นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะผลักดันและเพิ่มบทบาทของภาคเอกชนการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน(PPP) ให้มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อช่วยลดภาระงบประมาณด้านการลงทุนของภาครัฐลง โดยระหว่างนี้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) กำลังเร่งศึกษาปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานประกอบกิจการร่วมกับรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปได้ภายใน 2 สัปดาห์
"ที่ผ่านมา ยังติดขัดจากปัญหาของ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ จึงคุยกันว่าต้องแก้ไขกฎหมายนี้ แต่จะแก้เป็นรายมาตราหรือแก้ทั้งฉบับนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสุรป น่าจะได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ เมื่อเช้าผมคุยกับ รมว.กรณ์ ไปแล้ว ซึ่งถ้าแก้ไข พ.ร.บ.นี้แล้วก็จะมีบทบาทในการขับเคลื่อน PPP ได้มาก" นายประดิษฐ์ กล่าว
รมช.คลัง กล่าวว่า การปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เพื่อต้องการทำให้เกิดความโปร่งใส ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน และสร้างแรงจูงใจ รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้ภาคเอกชนสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ กับภาครัฐมากขึ้น โดยประเด็นที่คาดว่าจะมีการปรับปรุงแก้ไขแน่นอน คือ เพดานเงินลงทุนในปัจจุบันกำหนดไว้ที่ 1 พันล้านบาท ซึ่งควรต้องปรับเพิ่มสูงกว่านี้เนื่องจากมูลค่าการลงทุนแต่ละโครงการในปัจจุบันมีวงเงินค่อนข้างสูง
พร้อมกันนี้ เชื่อว่า การลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP จะยิ่งมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ซึ่งรัฐบาลชุดนี้จะวางพื้นฐานไว้สำหรับเป็นแนวทางให้แก่รัฐบาลต่อๆ ไป ซึ่งหลังจากมีการปรับแก้ไข พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ แล้วจะมีการตั้งคณะกรรมการที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการขับเคลื่อน PPP ในโครงการต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน