กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ปีนี้เพิ่มขึ้น 15.8% สู่ระดับ 5.22 ล้านล้านเยน (6.19 หมื่นล้านดอลลลาร์สหรัฐ) ซึ่งน้อยกว่าเดือนก.ค.ที่ขยายตัวถึง 23% และเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัว 28%
ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 17.9% ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าเดือนส.ค.ของญี่ปุ่นหดตัวลง 37.5% สู่ระดับ 1.032 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 15 เดือน
ยอดส่งออกเดือนส.ค.ขยายตัวในอัตราที่ช้าลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการสินค้าในตลาดต่างประเทศที่ชะลอตัวลงและเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมส่งออกเป็นหลัก โดยเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นทำให้กำไรในตลาดต่างประเทศของบริษัทส่งออกญี่ปุ่น รวมถึงบริษัทผลิตรถยนต์อย่างโตโยต้า หดตัวลง และยังทำให้ประสิทธิภาพการแข่งขันในตลาดต่างประเทศของญี่ปุ่นลดน้อยลงด้วย
ข้อมูลของกระทรวงการคลังญี่ปุ่นระบุว่า ยอดส่งออกสินค้าจากญี่ปุ่นไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 18.5% ในเดือนส.ค. ขณะที่ยอดส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.8% และยอดส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป เพิ่มขึ้น 13.7%