นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยในงานสัมมนา “ผลักดันการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ว่า การลงทุนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีความสำคัญกับการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนสูงสุด ประกอบด้วย กิจการเกษตรกรรมและผลิตผลทางการเกษตร โดยเฉพาะอาหารแปรรูป กิจการเครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เป็นต้น
อนึ่ง ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2548 — เดือนสิงหาคม 2553) มีโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมกว่า 567 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 165,200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6.12% ของมูลค่าการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนของทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น ซึ่งภาครัฐจะได้ใช้โอกาสในการจัดสัมมนาครั้งนี้ นำเสนอนโยบายของการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเพิ่มเติม รวมถึงให้ข้อมูล และรายละเอียดการปรับปรุงนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน ยังได้เปิดรับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการโดยตรง เพื่อร่วมกันพิจารณาถึงแนวทางการพัฒนานโยบายส่งเสริมการลงทุนที่รองรับความต้องการของผู้ประกอบการอย่างแท้จริงต่อไป
งานสัมมานาดังกล่าวจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( บีโอไอ ) โดยมีนักธุรกิจ หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด และหอการค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมงานกว่า 600 คน
ด้านนางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บีโอไอได้ปรับปรุงนโยบาย และมาตรการที่สำคัญหลายเรื่อง อาทิ นโยบายส่งเสริมการลงทุนแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และนโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วย มาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน หรือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยการปรั บปรุงเทคโนโลยีเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ และมาตรการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และวางรากฐานเพื่อนำพาอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับการส่งเสริมการลงทุนภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วง 8 เดือน (มกราคม — สิงหาคม) ปี 2553 มีโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 83 โครงการ เงินลงทุน 35,946 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน 8,900 คนโดยอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค เช่น กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานลม กิจการผลิตเอทานอล เป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 18,162 ล้านบาท และหากเทียบการลงทุนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือใน ช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมาพบว่า 8 เดือนแรกทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนได้ปรับเพิ่มจาก 43 โครงการเป็น 83 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนปรับเพิ่มจาก 6,431 ล้านบาทเป็น 35,946 ล้านบาท