ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย(เอดีบี) ปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในปี 53 เพิ่มเป็น 7% สูงจากเดิมในครั้งแรกที่คาดไว้ในระดับ 4% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลังต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก
เช่นเดียวกับเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียที่เอดีบีได้ปรับคาดการณ์ GDP ของภูมิภาคเอเชียในปีนี้มาที่ 8.2% จากเดิม 7.5% ซึ่งสูงกว่าปี 52 ที่เติบโต 5.4%การปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในเอเชียครั้งนี้ ครอบคลุมถึง 44 ประเทศกำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมเกิดใหม่ในเอเชีย แต่ไม่นับรวมญี่ปุ่น
นายจอง วา ลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ เอดีบี กล่าวว่า โดยภาพรวมแล้ว เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียยังคงฟื้นตัวได้ดี เพราะได้แรงหนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤตการณ์การเงินโลก
ประเทศที่กำลังพัฒนาในเอเชียจะเป็นผู้นำของโลกในการฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งการฟื้นตัวจะมีความรวดเร็วและแข็งแรก่งมาก ในลักษณะรูป V shape ซึ่งเป็นการวางรากฐานการเจริญเติบโตในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อบ้าง แต่ก็ยังสามารถจัดการได้ คาดอัตราเงินเฟ้อของเอเชียอยู่ที่ 4.1% ในปีนี้ และจะชะลอลงเป็น 3.9% ในปีหน้า แต่มองว่าเป็นระดับที่แบงก์กลางของทุกประเทศรับมือได้
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของเศรษฐกิจในเอเชีย ได้แก่ ความไม่แน่นอนของงการฟื้นตัวของประเทศอุตสาหกรรม ซึ่งเคยเติบโตได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ขณะนี้ก็การเติบโตชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 2/53 มองว่าเศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการหดตัว แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้น้อย
นอกจากนั้น ยังขึ้นกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการเงินการคลัง และประโยชน์จากการเติบโตขึ้นมาจากฐานต่ำหมดไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามอุปสงค์ภาคเอกชนในท้องถิ่นจะเข้มแข็งพอที่จะสนับสนุนการเติบโตหรือไม่ หากนโยบายกาเรงินการคลังกลับมาสู่ภาวะปกติ
นายจอง กล่าวว่า การฟื้นตัวของเอเชียที่กำลังพัฒนาที่กำลังมีความก้าวหน้า ผู้วางนโยบายควรจะต้องเปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับการจัดการความผันผวนในระยะสั้น ไปสู่การทำให้เติบโตในระยะปานกลางและยาวอย่างมีความยั่งยืน
เอดีบี ได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวของแต่ละประเทศในเอเชีย โดยได้คงระดับคาดการณ์เศรษฐกิจจีนไว้ที่ 9.6% โดยระบุว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอลง หลังจาก GDP ของจีนขยายตัว 11.1% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เป็นผลมาจากการที่จีนชะลอการใช้นโยบายด้านการเงินการคลังในการกระตุ้นการใช้จ่าย นอกจากนี้คาดว่าอุตสาหกรรมส่งออกของจีนจะชะลอตัวลงตามดีมานด์ต่างประเทศที่ซบเซาลง
ขณะเดียวกันคาดว่าเศรษฐกิจฮ่องกงจะขยายตัว 5.8% ส่วนเศรษฐกิจเกาหลีใต้และไต้หวันมีแนวโน้มขยายตัว 6% และ 7.7% ตามลำดับ นอกจากนี้ เอดีบีได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียขึ้นเป็น 8.5% จากเดิม 8.2% แต่เตือนว่าอินเดียอาจเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเนื่องจากการขาดแคลนฝนในฤดูมรสุมปี 2552 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร นอกจากนี้ เอดีบียังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์เป็น 6.2% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 3.8% พร้อมกับเพิ่มคาดการณ์ GDP สิงคโปร์เป็นเติบโต 14% จากเดิม 6.3% แต่เอดีบีได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจปากีสถานเป็น 2.5% จากเดิม 4.1% เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม เอดีบีเตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นจะชะลอตัวลง โดยเฉพาะภาวะซบเซาในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ และประเทศยุโรปมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
ด้านนายฌอง ปิแอร์ ผู้อำนวยการ เอดีบีประจำประเทศไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปีน้มีโอกาสเติบโตได้มากกว่าคาดการณ์ที่ให้ 7% ส่วนในปี 54 น่าจะเติบโตในระดับ 4.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะสูงกว่าปี 52 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยคาดการณ์ในระดับ 3.2-3.3% และจะลดลงเล็กน้อยในปี 54 มาอยู่ที่ 3%