นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการช่วยเหลือด้านสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ในวงเงินที่เหลืออยู่อีก 5,000 ล้านบาท ตามโครงการที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(ธพว.) หรือ SME Bank ไปก่อนหน้านี้ 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้จะแบ่งประเภทการให้สินเชื่อเป็น 2 ส่วน คือ 1.สินเชื่อแบบมีหลักประกัน(ไม่เกิน 3 ล้านบาท) และไม่มีหลักประกัน(ไม่เกิน 1 ล้านบาท) ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 27 เม.ย., 25 พ.ค. และ 8 มิ.ย.53 วงเงิน 3,000 ล้านบาท และ 2.สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย วงเงิน 2,000 ล้านบาท
สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสินเชื่อแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกันนั้น ได้ขยายพื้นที่ของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมเป็น 7 เขต โดยยึดตามกรอบพื้นที่ที่กรุงเทพฯ ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ 7 เขต รวมถึงพื้นที่เขตดุสิต และเขตพระนคร หรืออยู่ในเขตพื้นที่ที่ถูกจำกัดการเข้าออก เช่น บริเวณกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
โดยระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อนั้น ถ้าเป็นการกู้แบบไม่มีหลักประกัน ธพว.จะต้องปล่อยสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ส่วนการกู้แบบมีหลักประกัน ธพว.จะต้องพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว
ขณะที่สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกัน วงเงิน 2,000 ล้านบาทนั้น ผู้ประกอบการจะได้รับวงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 60% ของมูลค่าความเสียหายที่ได้ประเมินโดยบริษัทประกัน แต่ต้องไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้น 2 ปี ระยะเวลาการกู้ยืมไม่เกิน 6 ปี อัตราดอกเบี้ย MLR-3 ทั้งนี้ให้ ธพว.ดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว