นายเวย์น สวอน รัฐมนตรีคลังออสเตรเลีย ขานรับรายงานจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ระบุว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
โดยไอเอ็มเอฟได้กล่าวชื่นชมการทำงานของรัฐบาลในการรับมือกับวิกฤตการเงินโลก และดำเนินกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นงบประมาณให้อยู่ในภาวะที่เกินดุล
รมว.คลังกล่าวว่า ไอเอ็มเอฟสนับสนุนแนวทางการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกถดถอยของเรา พร้อมทั้งเสริมว่ารายงานจากไอเอ็มเอฟยังส่งสัญญาณถึงการสนับสนุนแนวทางที่รัฐบาลใช้ประคับประคองเศรษฐกิจที่เปราะบาง
นอกจากนี้ สวอนกล่าวด้วยว่า รายงานของไอเอ็มเอฟได้เน้นถึงประเด็นด้านวินัยการคลังของรัฐบาลที่มีความเข้มงวดด้านการใช้จ่าย ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ดุลบัญชีงบประมาณกลับมาอยู่ในภาวะเกินดุลในปี 2553-2556
ไอเอ็มเอฟเห็นว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียมีส่วนช่วยผลักดันให้การดำเนินมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลประสบความสำเร็จและจะเอื้อให้เศรษฐกิจเติบโตได้แข็งแกร่งขึ้น ตลอดจนมีการแข่งขันกันมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อชาวออสเตรเลียทุกคน
รายงานระบุว่า ไอเอ็มเอฟแนะให้ออสเตรเลียพึ่งพาการใช้นโยบายภาษีด้านการบริโภคเพิ่มมากขึ้น เช่น ระบบภาษีสินค้าและบริการ ขณะที่สวอนปฏิเสธถึงแผนการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษี GST
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังได้ชื่นชมแผนการจัดเก็บภาษีเช่าทรัพยากรแร่ (MRRT) ในอัตรา 30% พร้อมระบุว่า รัฐบาลกลางควรพิจารณาเพิ่มการจัดเก็บภาษีเหมืองประเภทอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย โดยชี้ว่า ยุคเฟื่องฟูของธุรกิจเหมืองเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจออสเตรเลีย
ขณะเดียวกัน นายโทนี่ แอบบอต ผู้นำฝ่ายค้านออสเตรเลียกล่าวว่า ข้อเสนอแนะของไอเอ็มเอฟที่ต้องการให้ขยายการจัดเก็บภาษีเหมืองอื่นๆ เพิ่มเติมนั้นอาจส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ของรัฐบาลในการทำให้รัฐบาลมียอดเกินดุลการค้า โดยเห็นว่ามาตรการดังกล่าวไม่สามารถช่วยให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างที่หวังไว้ มีแต่จะทำให้เกิดช่องโหว่ด้านดุลบัญชีงบประมาณของรัฐบาลมากขึ้นเท่านั้น
ทั้งนี้ แอบบอตย้ำว่า ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับนโยบายจัดเก็บภาษีเช่าทรัพยากรแร่ แต่ต้องการให้รัฐบาลมุ่งใช้วิธีปรับลดการใช้จ่ายเป็นหลักมากกว่า เพื่อให้ประเทศมีดุลบัญชีเกินดุล