องค์กรการค้าโลก (WTO) ดำเนินการทบทวนนโนบายการค้าของสหรัฐ พร้อมเตือนถึงความเป็นไปได้ว่านโยบายดังกล่าวอาจปูทางไปสู่การกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐกับกลุ่มประเทศคู่ค้า
รายงานจากสำนักงานเลขาธิการของ WTO ระบุถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะใช้มาตรการต่างๆ เป็นเครื่องมือกีดกันทางการค้ากับประเทศคู่ค้า ทั้งๆที่สหรัฐอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการเปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุนมากที่สุดในโลก
โดยสหรัฐได้กำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (antidumping duty หรือ AD) 246 รายการ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนธ.ค.2552 เป็นต้นมา หลังจากที่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้น 22 รายการในเดือนธ.ค.2550 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้าจาก 40 ประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการปรับเพิ่มอากรตอบโต้การอุดหนุน (countervailing duties หรือ CVD) จาก 31 รายการในปี 2550 เป็น 41 รายการในเดือนธ.ค.2552
ทั้งนี้ ความคืบหน้าด้านการเจรจาทางการค้าเสรีของสหรัฐเป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยรายงานของ WTO ได้ระบุเพิ่มเติมถึงความกังวลต่อมาตรการการค้าของสหรัฐในบางประเด็น เช่น นโยบายป้องกันภาวะถดถอย ซึ่งรวมถึงการจัดหาซัพพลายเออร์สินค้าและบริการภายในประเทศ
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวได้เน้นย้ำถึงบรรยากาศการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงการกำหนดภาษีนำเข้าเพิ่มเติมสำหรับผลิตภัณฑ์ยางรถที่นำเข้าจากประเทศจีน
สำนักข่าวซินหัวรายงานอ้างแถลงการณ์ของซัน เจินหยู ทูตและผู้แทนถาวรจากจีนประจำองค์กรการค้าโลกว่า เจ้าหน้าที่พบว่าสหรัฐมีการสำรองงบประมาณเพื่อรับมือกับการกีดกันทางการค้าในนโยบายด้านการค้าเสรี โดยเฉพาะช่วงหลังเกิดวิกฤตการเงิน
นอกจากนี้ ซันแสดงถึงความกังวลต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้นโยบายกระตุ้นภาคการเงินของสหรัฐอเมริกา รวมถึงการถอยห่างจากบทบาทการเป็นผู้นำในเวทีเจรจาการค้ารอบโดฮา