ขุนคลังสหรัฐแสดงความมั่นใจต่อกรณีสกุลเงินหยวนของจีนที่กำลังเผชิญแรงกดดันอยู่ในขณะนี้ว่า ภาวะตึงเครียดของเงินหยวนจะไม่ก่อให้เกิดการใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการค้าที่รุนแรงมากขึ้น หรือสร้างปมขัดแย้งด้านสกุลเงินให้บานปลายไปทั่วโลก
นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า การที่สหรัฐกดดันให้จีนขึ้นค่าเงินหยวนนั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะเปิดฉากสงครามทางการค้า หรือสงครามค่าเงินแต่อย่างใด
การแสดงความคิดเห็นของไกธ์เนอร์มีขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 348 ต่อ 79 ผ่านร่างกฎหมายการปฏิรูปสกุลเงินเพื่อการค้าที่เป็นธรรม (Currency Reform for Fair Trade Act) เพื่อเปิดทางให้สหรัฐสามารถคว่ำบาตรการค้า ซึงรวมถึงการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากับประเทศคู่ค้าที่มีพฤติกรรมปั่นค่าเงินอย่างผิดกฎหมาย โดยร่างกฎหมายฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะกดดันให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวนให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่กำลังขยายตัวขึ้น
ขณะนี้จีนกำลังเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐให้มีการปรับขึ้นค่าเงินหยวน โดยคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐชี้ว่า จีนยังดำเนินการปรับขึ้นค่าเงินหยวนได้ไม่เร็วพอ ซึ่งทางสหรัฐได้ขอให้จีนปล่อยลอยตัวเงินหยวนให้เร็วยิ่งขึ้น เหมือนเมื่อครั้งที่จีนเคยขึ้นค่าเงินหยวนได้กว่า 20% ในช่วงปี 2548-2551
ขณะเดียวกัน ในสัปดาห์นี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเห็นชอบให้บริษัทที่เรียกร้องขอการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนได้รับเงินชดเชยจากกรณีที่บริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะเงินหยวนอ่อนค่าเกินจริง ส่วนรัฐมนตรีคลังบราซิลได้ออกโรงเตือนถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดภาวะสงครามค่าเงินทั่วโลก
ทั้งนี้ นอกจากความเคลื่อนไหวในตลาดเงินของจีนแล้ว เมื่อเดือนที่ผ่านมาตลาดปริวรรตเงินตราในญี่ปุ่นก็มีความเคลื่อนไหวไม่แพ้กัน โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจยื่นมือเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547 เพื่อควบคุมการแข็งค่าของเงินเยน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ส่งออก
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีคลังสหรัฐไม่มีความเห็นต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่มุ่งเน้นไปที่ความพยายามของสหรัฐในการกระตุ้นให้จีนปล่อยลอยตัวเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้นมากกว่า