นายแซร์จ อาบู เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปหรืออียูประจำประเทศจีนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวก่อนการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 8 (ASEM 8) ที่ประเทศเบลเยี่ยมจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 4-5 ต.ค.ว่า ประเด็นเรื่องเศรษฐกิจจะยังคงเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญมากที่ในการประชุมครั้งนี้ แม้ว่าวิกฤตการเงินโลกจะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม
ทูตอียูกล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น เศรษฐกิจโลกย่ำแย่ แต่ช่วงเวลาอันตรายก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว และเมื่อเปรียบเทียบกับการประชุม ASEM7 ที่จัดขึ้นที่กรุงป้กกิ่งนั้น เศรษฐกิจโลกก็เปลี่ยนโฉมไป
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการยุโรปได้ยกระดับการประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรว่า จะขยายตัวขึ้นเป็น 1.7% จากระดับคาดการณ์เมื่อเดือนพ.ค.ที่ 0.9%
ขณะเดียวกันธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียระบุว่า เศรษฐกิจเอเชียซึ่งไม่นับรวมญี่ปุ่นนั้น จะขยายตัว 8.2% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าคาดการณ์เมื่อเดือนเม.ย.
ทูตอียูกล่าวต่อไปว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น และเราก็จะกลับสู่สถานการณ์ปกติเร็วๆนี้ และที่สำคัญเราได้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยุทธศาสตร์การปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
นักเศรษฐศาสตร์หลายรายเกรงว่า ประเทศต่างๆจะส่งเสริมลัทธิการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นเรื่องการจ้างงานภายในประเทศ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการค้าแบบเสรีและสร้างแรงกดดันให้กับเศรษฐกิจโลกได้
ทูตอียูกล่าวว่า ในการประชุมอาเซมที่ปักกิ่งนั้น ที่ประชุมได้จุดประกายเรื่องวิธีการแก้ปัญหาในการประชุมสุดยอด G20 ด้วยเช่นกัน