ญี่ปุ่นได้เปิดเผยนโยบายในการจัดหาแร่หายาก ซึ่งรวมถึงการศึกษาเรื่องการจัดเก็บสต็อกแร่หายากและการกระจายการลงทุนแหล่งแร่หายากที่นอกเหนือไปจากจีน หลังจากที่สถานการณ์การนำเข้าแร่หายากหยุดชะงักหลังจากที่ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีตึงเครียดมากยิ่งขึ้นอันเนื่องมาจากเหตุเรือประมงชนเข้ากับเรือตรวจการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า อากิฮิโร่ โอฮาตะ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น กล่าวว่า การนำเข้าแร่หายากที่หยุดชะงักไปนั้น เชื่อกันว่าเป็นเพราะการระงับการส่งออกของจีน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ตอกย้ำให้เห็นว่าญี่ปุ่นจำเป็นต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ในการจัดหาแร่หายากในระยะยาว
ทั้งนี้ นโยบายที่อาจจะมีการนำมาใช้ได้แก่ การเร่งการพัฒนาทรัพยากรและเทคโนโลยีทางเลือก เพื่อลดปริมาณการใช้แร่ธาตุประเภทต่างๆ และพัฒนาโรงงานรีไซเคิลแร่หายากที่สำคัญในประเทศ
แร่หายากที่ได้มีการนำมาใช้ในการผลิตสินค้าไฮเทค เช่น มือถือ กล้องดิจิตอล โทรทัศน์จอแบน และรถไฮบริดนั้น ประกอบด้วย องค์ประกอบแร่ 17 ชนิด เช่น นีโอไดเมียม ไดโปรเซียม และซีเรียม
จีนถือเป็นแหล่งอุปทานแร่หายากรายใหญ่สุดของโลกถึงประมาณ 97% ขณะที่ญี่ปุ่นนั้นต้องพึ่งพาแร่หายากของจีนถึงเกือบ 90%
เจ้าหน้าที่กระทรวงกล่าวว่า ญี่ปุ่นจะพยายามซื้อหุ้นในโครงการเหมืองที่ตั้งอยู่นอกประเทศจีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเรื่องอุปทานแร่ โดยแหล่งแร่หายากที่นอกเหนือไปจากจีนนั้น ยังมีคาซัคสถานและเวียดนาม
รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า กระทรวงจะหาทางจัดสรรงบประมาณพิเศษประจำปีงบประมาณ 2553 เพื่อนำมาใช้กับนโยบายใหม่ดังกล่าว
เมื่อวานนี้ สมาพันธุ์ธุรกิจญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้รัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นว่า อุปทานแร่หายากจะมีเพียงพอ