ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความผิดหวังต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ในเร็วๆนี้
ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง 0.20% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.280 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดี (30 ก.ย.) ที่ 83.450 เยน และดิ่งลง 0.75% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9747 ฟรังค์ จากระดับ 0.9821 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.08% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3777 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3630 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.76% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5831 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5711 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.62% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9727 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.9667 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.33% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7441 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7343 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐถูกกดดันอย่างหนักหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวในที่ประชุมเศรษฐกิจซึ่งเฟดได้จัดขึ้นที่กรุงนิวยอร์กว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงเชื่องช้าอย่างน่าผิดหวัง และอัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูงเกินไป
การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้มีขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับเพิ่มการประเมินตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 2 ปี 2553 เป็นขยายตัว 1.7% ซึ่งมากกว่าที่ประเมินไว้ครั้งก่อนว่าขยายตัวเพียง 1.6% แต่จีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัวได้น้อยกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ถึง 3.7%
นอกจากนี้ การที่เบอร์นันเก้แสดงความผิดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ยังทำให้นักลงทุนคาดว่าคณะกรรมการเฟดจะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ในการประชุมนโยบายของเฟดวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ โดยมาตรการ QE คือการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปอีก
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการ QE ได้บดบังข้อมูลเศรษฐกิจในด้านบวกของสหรัฐ และได้ฉุดสกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 54.4 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 56.3 จุด
ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนส.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ส่วนรายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 0.5% ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%