ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า ในสัปดาห์นี้ (4-8 ตุลาคม 2553) คงจะมีการทยอยไหลกลับเข้าระบบของสภาพคล่องหลังสิ้นเดือน ขณะที่ธนาคารพาณิชย์จะมีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันอังคารและเข้าสู่ปักษ์ใหม่ในวันพุธ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินไทยน่าจะยังทรงตัวใกล้เคียงระดับ 1.75%
ทั้งนี้ คาดว่า เงินบาทในประเทศอาจเคลื่อนไหวในกรอบประมาณ 30.10-30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจะต้องจับตาสัญญาณการเข้าดูแลเสถียรภาพค่าเงิน และ/หรือมาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาทของทางการไทย กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ ทิศทางของสกุลเงิน/ตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมถึงทิศทางของเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย ยอดสั่งซื้อของโรงงาน ข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนส.ค. ดัชนี ISM ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทในประเทศ (Onshore) แข็งค่าสุดในรอบ 13 ปีครั้งใหม่ใกล้ 30.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทยังคงปรับตัวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบตลอดทั้งสัปดาห์ ท่ามกลางแรงหนุนจากแรงซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ แรงขายเงินดอลลาร์ฯ ของผู้ส่งออก และความอ่อนแอของค่าเงินดอลลาร์ฯ จากการคาดการณ์เกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบสองของเฟด
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาท ยังคงเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค และมีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางหลายแห่งในภูมิภาคเอเชีย (รวมทั้ง ธปท.) เข้าซื้อเงินดอลลาร์ฯ เพื่อชะลอการแข็งค่าของค่าเงินในประเทศ สำหรับในวันศุกร์ เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องมาที่ระดับ 30.19 (ท้ายตลาดเอเชีย) เทียบกับระดับ 30.69 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (24 ก.ย.)