สนพ.เผยความต้องการใช้ LPG ปี 54 โต 8-9%,ต้องนำเข้า 4-5 หมื่นตัน/เดือน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 4, 2010 15:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เผยหลังหารือร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน โรงกลั่นน้ำมัน และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ เพื่อประเมินปริมาณการผลิตและการใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG) แล้วพบว่า ปริมาณการใช้ปีหน้าจะยังขยายตัวที่ระดับ 8-9% และยังจำเป็นต้องนำเข้าไม่ต่ำกว่า 40,000-50,000 ตันต่อเดือน แม้โรงแยกก๊าซฯ ที่ 6 จะกลับมาเดินเครื่องผลิตได้ในอีก 2 เดือนข้างหน้าก็ตาม แต่เนื่องจากปริมาณก๊าซ LPG ส่วนใหญ่จากโรงแยกก๊าซฯ ที่ 6 จะนำไปใช้ป้อนโรงงานปิโตรเคมีเป็นหลัก

สำหรับราคา LPG ในตลาดโลกปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยสูงถึง 690 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งส่งผลให้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องจ่ายส่วนต่างการนำเข้าให้แก่ บมจ.ปตท.(PTT) มากขึ้น แต่ภาพรวมยังไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการเรียกเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยปัจจุบันเงินกองทุนฯ ที่ไหลเข้ายังอยู่ระดับ 700-800 ล้านบาทต่อเดือน

ขณะที่การใช้ LPG ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมพบว่ายังโตถึง 10% ภาคครัวเรือน 8-9% ส่วนภาคขนส่งไม่มีการเปลี่ยนแปลง กระทรวงพลังงานยังมั่นใจว่าในปีหน้าจะสามารถเดินหน้าโครงการเปลี่ยนแอลพีจีในแท็กซี่เป็นเอ็นจีวีพบเป้าหมาย 20,000 คัน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานมีนโยบายจะตรึงราคา LPG จนถึงเดือน ก.พ.54 และตามนโยบายนายกรัฐมนตรีกำหนดให้แยกราคา โดยให้ราคาภาคการขนส่งและภาคครัวเรือนเป็นราคา LPG ที่เกิดจากการผลิตก๊าซในประเทศ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมจะมีการลอยตัวตามตลาดโลก แนวทางนี้อาจจะทำให้การใช้ภาคอุตสาหกรรมไม่ขยายตัวมากนัก และยังเป็นการลดภาระเงินกองทุนที่จ่ายค่าชดเชยการนำเข้าแอลพีจีอีกด้วย

ผู้อำนวยการ สนพ. ยังกล่าวว่า ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศในช่วง 1-2 วันมีโอกาสจะปรับขึ้น หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงกว่า 81 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันของผู้ค้าต่ำกว่า 1 บาท/ลิตร ซึ่งคาดว่าราคาน้ำมันไตรมาส 4 จะอยู่ในภาวะผันผวน โดยเมื่อราคาน้ำมันปรับขึ้นระดับสูงกว่า 80 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้วจะปรับลดลงมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีแนวโน้มไม่ชัดเจน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ