บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) และ บมจ.ปตท.(PTT)ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศทุกชนิดอีกลิตรละ 60 สตางค์ ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ E85 ปรับขึ้นลิตรละ 30 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.วันพรุ่งนี้(5 ต.ค.53) หลังสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งสูงต่อเนื่องจนค่าการตลาดลดลงอยู่ในระดับที่ต่ำ
ทั้งนี้ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันตามสถานีบริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลวันพรุ่งนี้จะเป็นดังนี้ แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ลิตรละ 18.72 บาท, แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ลิตรละ 28.94 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 31.24 บาทล แก๊สโซฮอล์ 91 อยุ่ที่ลิตรละ 29.74 บาท, เบนซิน 91อยู่ที่ลิตรละ 35.04 บาท, ไบโอดีเซล อยู่ที่ลิตรละ 27.19 บาท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 28.39 บาท
นายสรัญ รังคสิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก PTT เปิดเผยว่า นับจาก ปตท.ได้ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันครั้งล่าสุดไปเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นลงอยู่ในกรอบแคบๆ โดยมีแนวโน้มในภาพรวมเป็นทิศทางขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สาเหตุที่ไม่มีการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันตามราคาน้ำมันในตลาดโลกเนื่องจากเงินบาทที่ได้แข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นรุนแรงจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบเงินยูโรได้อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีการปรับเพิ่มอัตราเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาส 2/2553 ของสหรัฐฯ เป็นขยายตัวที่ 1.7% ดีขึ้นกว่าตัวเลขที่ประกาศไว้ในคราวก่อน ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
ล่าสุด ราคามันดิบดูไบอยู่ที่ 79.60 ดอลลาร์/บาร์เรล น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 87.32 ดอลลาร์/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 91.89 ดอลลาร์/บาร์เรล และเมื่อเปรียบเทียบราคาเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ราคาเบนซิน 95 ปรับตัวสูงขึ้นไปแล้วถึงกว่า 8 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดีเซลสูงขึ้นกว่า 7 ดอลลาร์/บาร์เรล คิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 1.40-1.60 บาท/ลิตร โดยค่าเงินบาทที่ได้แข็งค่าขึ้น 1.17 บาท/ดอลลาร์ ช่วยลดต้นทุนน้ำมันลงไปได้ 0.60 บาท/ลิตร ทำให้ต้นทุนสุทธิเพิ่มขึ้นอยู่ระหว่าง 0.80-1.00 บาท/ลิตร
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย, บมจ.เอสโซ่(ประเทศไทย), บริษัท ปิโตรนาสรีเทล(ประเทศไทย) และบริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง(PT) ได้ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไปก่อนแล้ว