นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ในรายงานสรุปการเตือนภัยเกี่ยวกับสินค้าเกษตร เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและเตรียมมาตรการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น โดยในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา มีสินค้าที่อยู่ในกลุ่มที่ต้องดูแลและติดตามใกล้ชิด(Monitor List) 4 รายการ คือ ข้าวนาปรัง, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, มันสำปะหลัง และกุ้งขาวแวนาไม ส่วนสินค้าที่ต้องเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์เพื่อการเตือนภัย(Caution List) มี 5 รายการ ได้แก่ สุกร, ไข่ไก่, ลองกอง, ปาล์มน้ำมัน และมะพร้าว
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในยังประเมินแนวโน้มสินค้าเกษตรที่สำคัญในเดือนต.ค.ว่า ข้าวนาปรัง ราคามีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดู มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ประกอบกับการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น, มันสำปะหลัง ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการมีอย่างต่อเนื่อง ราคายังเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ดี, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลผลิตออกสู่ตลาดต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงปลายฤดูฝน การขนส่งทำได้สะดวกขึ้น ขณะที่โรงงานอาหารสัตว์มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ดี
ปาล์มน้ำมัน ผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากขึ้น แต่คาดว่าปริมาณยังไม่มากเท่าช่วงปกติ ราคามีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ดี, มะพร้าว ผลผลิตยังมีปริมาณไม่มาก ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ดี, ถั่วเหลือง ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ราคาอยู่ในเกณฑ์ปกติ, ปลาป่น วัตถุดิบยังมีปริมาณไม่มากนัก ราคาอยู่ในเกณฑ์ปกติ, ยางพารา ราคาจะเคลื่อนไหวไม่มากนัก เนื่องจากได้รับผลจากเงินบาทแข็งค่า ขณะที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
สุกร ไก่เนื้อ ไข่ไก่ จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น แต่ภาวะการค้าจะชะลอตัวลง เนื่องจากเป็นช่วงกินเจ, กุ้งขาวแวนาไม ราคามีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากประเทศคู่แข่งประสบภัยธรรมชาติและโรคระบาด ทำให้ความต้องการเพื่อส่งออกมีมากขึ้น, ลองกอง ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง เนื่องจากเข้าสู่ช่วงปลายฤดู ราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ดี และมะนาว ราคามีแนวโน้มปรับสูงขึ้น