ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ ธปท.ได้ออกประกาศผ่อนคลายระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อให้ภาคเอกชนมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศมากขึ้น ดังนี้
1. ผ่อนผันให้บริษัทในประเทศที่มีแหล่งเงินได้ค่าสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศ โอนเงินตราต่างประเทศในบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศเพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการให้แก่ บริษัทอื่นในประเทศได้การผ่อนคลายดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้าและบริการระหว่างประเทศสามารถบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
2. ผ่อนผันการยื่นแบบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศสำหรับธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่มีจำนวนต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา รวมทั้งผ่อนผันการยื่นเอกสารหลักฐานประกอบ การทำธุรกรรมดังกล่าว โดยให้ยื่นเฉพาะเอกสารแจ้งวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรม
ธปท.ระบุว่า การผ่อนคลายดังกล่าวจะช่วยลดภาระและต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการและธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้สามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ ธปท. ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามมาตรการผ่อนคลาย 5 ข้อของกระทรวงการคลังที่ประกาศเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2553 เช่น ให้บริษัทที่ประสงค์จะลงทุนโดยตรงหรือให้กู้ยืมแก่กิจการในต่างประเทศจำนวนตั้งแต่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาหรือเทียบเท่าต่อปี แจ้งความประสงค์การลงทุนหรือให้กู้ยืมต่อเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตามวิธีที่กำหนด
อนึ่ง มาตรการผ่อนคลาย 5 ข้อของกระทรวงการคลัง ประกอบด้วย 1) ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การลงทุนโดยตรงและให้กู้ยืมแก่กิจการในเครือที่ต่างประเทศ 2) อนุญาตให้กู้ยืมแก่กิจการที่ต่างประเทศที่ไม่ใช่กิจการในเครือ 3) ขยายวงเงินการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ 4) ขยายวงเงินการฝากเงินตราต่างประเทศ และ 5) ผ่อนคลายข้อกำหนดการนำเงินค่าสินค้าส่งออกกลับเข้าประเทศ
ทั้งนี้ การผ่อนคลายและหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2553