กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า ความคืบหน้าด้านการสร้างเสถียรภาพในตลาดเงินทั่วโลกโดยภาพรวมนั้นเริ่มถดถอยลงนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ แต่เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ยังคงเป็นแหล่งลงทุนด้านการเงินที่สดใสในตลาดโลก
ไอเอ็มเอฟเปิดเผยรายงานภาวะเสถียรภาพของระบบการเงินของโลก (Global Financial Stability Report: GFSR) ซึ่งระบุว่า วิกฤตตลาดตราสารหนี้ของยุโรปตอกย้ำให้เห็นถึงความอ่อนแอของดุลบัญชีในธนาคารที่เด่นชัดมากขึ้น
โดยรายงานระบุว่า ระบบธนาคารยังเป็นปัจจัยที่หนุนนำการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งทางไอเอ็มเอฟคาดว่ายอดการปรับลดมูลค่าทางบัญชีและยอดกันสำรองเงินกู้ภาคธนาคารในปี 2550 - 2553 อาจลดลงจากระดับ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในรายงาน GFSR เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในตลาดตราสารหนี้ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่นักลงทุนในตลาดจับตาดูตัวเลขหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล ปัจจัยลบที่มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมโยงของระบบธนาคาร
"ประเทศตลาดเกิดใหม่กลายเป็นแหล่งลงทุนที่น่าดึงดูดใจมากกว่าประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานด้านการเงินที่ดีกว่า มีแนวโน้มการขยายตัวที่แข็งแรงกว่า และมีอัตราผลตอบแทนด้านการลงทุนที่สูงกว่า" รายงาน GFRSระบุ
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟกล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งในดุลบัญชีการเงิน โดยพิจารณาถึงสถานการณ์เฉพาะด้านในประเทศ ควบคู่กับการปฏิรูปโครงสร้างด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟได้แนะให้ธนาคารกลางและรัฐบาลใช้นโยบายสนับสนุนภาคการเงินเมื่อถึงเวลาจำเป็นและเห็นสมควร รวมทั้งหาทางออกด้วยแนวทางที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินต่อไป สำนักข่าวซินหัวรายงาน