โจเซฟ สติกลิทซ์ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า การแข็งค่าของเงินหยวนจะไม่มีส่วนช่วยแก้ปัญหาภาวะไร้สมดุลในตลาดโลกได้ โดยเฉพาะสหรัฐที่ยังต้องเผชิญกับภาวะขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลอยู่ต่อไป
สำนักข่าวซินหัวรายงานอ้างคำกล่าวของสติกลิทซ์ที่มีขึ้นในระหว่างให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียว่า "สหรัฐยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่เราไม่สามารถผลิตได้เอง ซึ่งเราอาจเริ่มนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากบังคลาเทศและศรีลังกา"
"ปัญหาพื้นฐานในเศรษฐกิจระดับมหภาคของสหรัฐอยู่ที่การมีอัตราการออมน้อยเกินไป โดยที่ผ่านมาอัตราการออมเงินของภาคครัวเรือนนั้นลดลงเป็นศูนย์ และแม้ว่าขณะนี้ภาคครัวเรือนจะเริ่มเพิ่มการออมมากขึ้น แต่อัตราการออมภาครัฐยังย่ำอยู่กับที่ เนื่องจากสหรัฐยังมียอดขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน แม้ว่าสหรัฐจะมีลูกค้าชาวจีนเพิ่มขึ้น แต่อัตราการบริโภคส่วนใหญ่ของชาวจีนไม่ได้กระจุกตัวอยู่ที่สินค้าซึ่งนำเข้าจากสหรัฐเพียงแห่งเดียว"
นอกจากนี้ สติกลิทซ์ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์นโยบายด้านการเงินของสหรัฐและสหภาพยุโรปในปัจจุบันซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกว่า "เศรษฐกิจโลกยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะการอัดฉีดสภาพคล่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีซี) โดยเฟดอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพราะหวังว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การกระทำดังกล่าวไม่มีผลใดๆ ต่อเศรษฐกิจ หากแต่เป็นการสร้างความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจให้กับประเทศต่างๆทั่วโลก"