ตลาดเหล็กยุโรปฟื้นตัวดีเกินคาดในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2553 โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมที่มีการใช้เหล็ก
สมาคมอุตสาหกรรมเหล็กแห่งยุโรป หรือ Eurofer ระบุในรายงานประจำไตรมาสว่า ผลผลิตของอุตสาหกรรมที่ใช้เหล็กขยายตัว 7.1% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาส 2 และปริมาณการใช้เหล็กในสหภาพยุโรป (อียู) ในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ขยายตัวกว่า 35% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ เศรษฐกิจของอียูขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2549 โดยขยายตัว 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ในช่วงหลายเดือนมานี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมในอียูขยายตัวต่อเนื่องราว 8% เมื่อเทียบรายปี ขณะเดียวกันภาคการส่งออกที่แข็งแกร่งก็กระตุ้นให้กิจกรรมด้านอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นโดยเฉพาะในเขตยูโรโซน เนื่องจากเงินยูโรที่อ่อนค่าทำให้ผู้ผลิตได้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม กอร์ดอน มอฟแฟต ผู้อำนวยการสมาคม Eurofer เตือนว่าระดับการขยายตัวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ โดยปัจจุบันเยอรมนีเป็นประเทศมหาอำนาจในยุโรป ขณะที่ประเทศยุโรปเหนือเกือบทั้งหมดประสบความสำเร็จในธุรกิจส่งออก ส่วนสภาพการทำธุรกิจในประเทศยุโรปใต้ยังค่อนข้างซบเซา
เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวปานกลางในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ขณะที่การค้าโลกที่ชะลอตัวลงอาจส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
มอฟแฟตกล่าว่วา แม้ปริมาณการใช้เหล็กในช่วงที่เหลือของปี 2553 และปี 2554 จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีคำถามสำคัญว่า ภาคการผลิตจะขยายตัวต่อเนื่องหรือไม่
"กิจกรรมทางอุตสาหกรรมและอุปสงค์เหล็กยังต้องขยายตัวอีกมากกว่าจะเท่ากับระดับก่อนเกิดวิกฤตการเงิน ยิ่งไปกว่านั้นผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้ใช้เหล็ก ยังคงเผชิญกับปัญหาด้านการเงิน ความยากลำบากในการเข้าถึงสินเชื่อ รวมถึงข้อจำกัดในการมองเห็นทิศทางของตลาดในเรื่องการนำเข้าและราคาวัตถุดิบ" เขากล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน