ออโต้ดาต้า คอร์ป บริษัทวิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐปี 2553 เพิ่มขึ้น 11.1% จากปีก่อน แตะระดับ 11,588,783 คัน ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี เพราะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ของสหรัฐยังต่ำกว่าจีนที่มียอดขาย 16.40 ล้านคันในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งทำให้จีนก้าวขึ้นเป็นตลาดรถยนต์รายใหญ่สุดของโลกติดต่อกัน 2 ปีซ้อน
ในบรรดาบริษัทผลิตรถยนต์ของสหัฐและเอเชียนั้น โตโยต้า มอเตอร์ เป็นบริษัทเดียวที่ทำยอดขายรถยนต์ใหม่ในตลาดสหรัฐลดลงในปี 2553 เนื่องจากผลกระทบของการเรียกคืนรถยนต์ทั่วโลกครั้งใหญ่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2552 จนถึง 2553 โดยยอดขายรถยนต์ใหม่ของโตโยต้าในปี 2553 มีอยู่ทั้งสิ้น 1,763,595 คัน ลดลง 0.4%
สำหรับตำแหน่งยอดขายอันดับ 1 ยังคงเป็นของเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ที่สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 7.2% เป็น 2,211,091 คัน ตามมาด้วยอันดับ 2 คือ ฟอร์ด มอเตอร์ ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 19.5% เป็น 1,931,534 คัน
ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในสหรัฐของโตโยต้าตลอดปี 2553 ลดลงมาอยู่ที่ 15.2% ส่งผลให้โตโยต้าสูญเสียความเป็นเจ้าตลาดอันดับ 2 ให้กับฟอร์ด มอเตอร์ ที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 16.7% และผู้ที่ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในสหรัฐยังคงเป็นของจีเอ็มที่ระดับ 19.1%
ยอดขายของไครสเลอร์ กรุ๊ป แอลแอลซี เพิ่มขึ้น 16.5% แตะที่ 1,085,211 คัน ซึ่งทำให้ไครสเลอร์เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 5 ในตลาดสหรัฐ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 9.4% รองจากฮอนด้า มอเตอร์ ที่สามารถทำยอดขายได้ 1,230,480 คัน เพิ่มขึ้น 6.9% และมีส่วนแบ่งตลาด 10.6%
หากนำยอดขายของบริษัทผลิตรถยนต์ในกลุ่มบิ๊กทรีรวมกันพบว่า ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.4% แตะที่ 5,227,836 คัน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 45.1% ในปี 2553 เพิ่มขึ้นจากระดับ 44.2% ในปี 2552
ส่วนยอดขายรถยนต์ของบริษัทญี่ปุ่นนั้น นิสสัน มอเตอร์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 18% แตะที่ 908,570 คัน ยอดขายของฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสตรีส์ เพิ่มขึ้น 21.8% แตะที่ 263,820 คัน และยอดขายของมาสด้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 10.5% แตะที่ 229,566 คัน
นอกจากนี้ ออโต้ดาต้า คอร์ป ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐเฉพาะในเดือนธ.ค.เพียงเดือนเดียว เพิ่มขึ้น 11.1% แตะที่ 1,144,739 คัน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน