เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ คอร์ปอเรชั่น (เอ็นทีที คอม) ประกาศขยายกำลังการส่งข้อมูลของเครือข่าย Global IP ระหว่างสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่น เป็น 400 กิกะบิต/วินาที (Gbps) ซึ่งสูงสุดในตลาด เทียบได้กับโทรทัศน์ดิจิตอลภาคพื้นดินประมาณ 24,000 ช่อง หรือเนื้อหาในหนังสือพิมพ์รายวันประมาณ 350 ปี พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำของบริษัทด้านการเชื่อมต่อเครือข่าย Tier-1 IP ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก
เครือข่ายหลัก Global IP ของเอ็นทีที คอม เชื่อมโยงกับบริษัทโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์พื้นฐาน ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ และผู้ให้บริการคอนเทนท์หลายแห่ง ซึ่งช่วยรองรับลูกค้าที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและบริการที่มีคุณภาพ ปัจจุบันเอ็นทีที คอม ได้ขยายแบนด์วิธมากถึง 7 เท่าเมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว ถือเป็นการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการขยายตัวของเครือข่ายบรอดแบนด์ รวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของวิดีโอออนไลน์ เพลงออนไลน์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ และการเขียนบล็อก ทั้งนี้ บริษัทสามารถเพิ่มแบนด์วิธจาก 300 Gbps เป็น 400 Gbps ได้สำเร็จภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี
โดยในปี 2540 เอ็นทีที คอม เริ่มเปิดตัวบริการเครือข่าย Global IP ด้วยความเร็วเพียง 45 เมกะบิต/วินาที (Mbps) จากนั้นแบนด์วิธระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 1 Gbps เมื่อเอ็นทีที คอม เข้าซื้อกิจการบริษัท Verio และเครือข่ายหลัก Tier-1 IP ของบริษัทในปี 2543 หลังจากนั้นในปี 2548 เอ็นทีที คอม ได้กลายเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายรายแรกที่ทำการวัดค่า latency variability ของเครือข่ายตามข้อตกลงว่าด้วยระดับการให้บริการ (SLA) และในเดือนธันวาคม 2549 เครือข่าย Global IP ของเอ็นทีที คอม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เด่นชัด เมื่อสามารถปรับการไหลเวียนของข้อมูลในเครือข่ายได้โดยมีความล่าช้าเพียงเล็กน้อยหลังเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลนอกชายฝั่งไต้หวัน และในปี 2551 บริษัทได้เปิดตัวระบบวิเคราะห์การไหลเวียนของข้อมูลซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับการไหลเวียนของข้อมูลในเครือข่ายและรายงานความผิดปกติไปยังผู้ควบคุมดูแลเครือข่าย IP
ทั้งนี้ เอ็นทีที คอม มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเครือข่าย Global IP ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริการส่งผ่านข้อมูลที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพสูงทั่วโลกทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง