บริติช ปิโตรเลียม หรือ บีพี บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่รายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิที่ 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2553 ซึ่งถือเป็นการขาดทุนรายปีครั้งแรกของบริษัทนับตั้งแต่ปี 2535
บีพีระบุว่า การที่บริษัทขาดทุนในปีที่แล้วนั้น มีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายกรณีน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกซึ่งมีการประเมินไว้ที่ 4.09 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์อยู่เล็กน้อย
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดเผยว่าจะเริ่มกลับมาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่ 7 เซนต์ต่อหุ้น หลังจากที่ได้ระงับการจ่ายเงินปันผลไปภายหลังเกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลที่สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล
บ็อบ ดัดลีย์ ซีอีโอของบีพี กล่าวว่า บริษัทจะเดินหน้าปรับรูปแบบและปรับความสำคัญด้านธุรกิจ ควบคู่กับการหาแนวทาง "ปรับการดำเนินธุรกิจใหม่"
ปี 2554 จะเป็นปีแห่งการฟื้นฟูและสร้างความแข็งแกร่งของบริษัท ในขณะที่เราเตรียมพร้อมสำหรับความเปลี่ยนแปลงเพื่อลดความเสี่ยงด้านการดำเนินงานและรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นจากวิกฤตน้ำมันรั่วไหล
ทั้งนี้ แท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon ของบีพีในอ่าวเม็กซิโกได้เกิดระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2553 ซึ่งได้คร่าชีวิตพนักงาน 11 ราย และทำให้เกิดน้ำมันรั่วไหลราว 4.9 ล้านบาร์เรลในอ่าวเม็กซิโก
ขณะเดียวกัน ผลกำไรประจำไตรมาส 4 ปี 2553 ของบีพีเพิ่มขึ้น 35.3% จากปีก่อนหน้านี้ แตะที่ 4.6 พันล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งไต่ระดับไปแตะที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อช่วงปลายปี 2553
บริษัทคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันท่ามกลางความวิตกกังวลต่อผลผลิตน้ำมันดิบในตลาดอันเนื่องมากจากผลกระทบจากวิกฤตการเมืองในอียิปต์ สำนักข่าวซินหัวรายงาน