สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ลง 1 ขั้น สู่ระดับ AA- จาก AA โดยระบุว่า ประสิทธิภาพในการทำกำไรของโตโยต้ายังฟื้นตัวไม่รวดเร็วเท่ากับบริษัทคู่แข่ง
S&P เปิดเผยว่า ประสิทธิภาพในการทำกำไรของโตโยต้าจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนักในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ การที่นโยบายอุดหนุนการซื้อรถยนต์ประหยัดพลังงานของรัฐบาลญี่ปุ่นหมดอายุลง อาจทำให้โตโยต้าต้องเผชิญกับความยากลำบากในตลาดรถยนต์ด้วย
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา โตโยต้าประกาศเรียกคืนรถยนต์เกือบ 2.2 ล้านคัน โดยระบุถึงข้อบกพร่องที่อาจเป็นสาเหตุทำให้คันเร่งค้าง ซึ่งการประกาศเรียกคืนอย่างไม่คาดคิดในวันดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่โตโยต้าได้เรียกคืนรถยนต์ 19 ล้านคันทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2552
ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในตลาดสหรัฐของโตโยต้าเพิ่มขึ้น 41.8% แตะที่ 141,846 คันในเดือนก.พ.ปีนี้ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 14.3% แต่ยอดขายของโตโยต้ายังทิ้งห่างจากเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ที่ครองแชมป์ยอดขายอันดับหนึ่งในตลาดสหรัฐที่ 207,028 คัน เพิ่มขึ้น 46.4% ด้วยส่วนแบ่งตลาด 20.8% และอันดับสองคือฟอร์ด มอเตอร์ ที่ทำยอดขายได้ 156,232 คัน เพิ่มขึ้น 13.7% ด้วยส่วนแบ่งตลาด 15.7% สำนักข่าวเกียวโดรายงาน