ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่โดยรวมในสหรัฐเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 17.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 8 เดือนเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) สามารถพลิกกลับมาครองแชมป์ยอดขายอันดับหนึ่ง หลังจากถูกฟอร์ด มอเตอร์ ทำยอดขายแซงหน้าเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีเมื่อเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ของจีเอ็มในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 26.6% แตะที่ 232,538 คัน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 20.1% ทำให้จีเอ็มพลิกกลับมาเป็นบริษัทที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในตลาดสหรัฐ ตามด้วยอันดับสองคือ ฟอร์ด มอเตอร์ ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 16.3% แตะที่ 189,284 คัน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 16.3% และอันดับสามยังคงเป็นของโตโยต้า มอเตอร์ ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 1.3 % แตะที่ 159,540 คัน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 13.8%
ยอดขายรถยนต์ของโตโยต้าปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบของเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อเดือนมี.ค. และแม้ว่ายอดขายโดยรวมของโตโยต้าปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย. แต่ยอดขายรถยนต์ไฮบริดจ์ ร่วงลง 5.3%
ส่วนยอดขายของฮอนด้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 9.8% แตะที่ 124,799 คัน ซึ่งยังคงรั้งอันดับสี่ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 10.8% ขณะที่เจ้าหน้าที่ของฮอนด้าคาดว่า ยอดขายรถยนต์ของบริษัทในเดือนพ.ค.อาจได้รับผลกระทบจากผลพวงของแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น
ยอดขายรถยนต์โดยรวมในกลุ่มบิ๊กทรีของสหรัฐ (ไครส์เลอร์ จีเอ็ม และฟอร์ด) เพิ่มขึ้น 21.7% อยู่ที่ 538,165 คันในเดือนเม.ย. ด้วยส่วนแบ่งตลาด 46.5% โดยยอดขายของไครสเลอร์เพิ่มขึ้น 21.6% แตะที่ 116,343 คัน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 10% ซึ่งทำให้ไครสเลอร์ยังคงทำยอดขายเป็นอันดับห้ารองจากฮอนด้า
สำหรับยอดขายรถยนต์รายอื่นๆของบริษัทญี่ปุ่นนั้น นิสสัน มอเตอร์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 12.2% แตะที่ 71,526 คัน ยอดขายมาสด้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 9.0% แตะที่ 20,638 คัน ยอดขายของฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ เพิ่มขึ้น 6.7% แตะที่ 24,762 คัน และยอดขายของซูซูกิ มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 9.3% แตะที่ 2,132 คัน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน