นายเคนอิจิ โอชิม่า นักเศรษฐศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมและผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยริทสึเมอิคันในกรุงเกียวโต ประมาณการว่า มูลค่าความเสียหายจากวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ของบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค (เทปโก) จะมีมูลค่าสูงกว่าผลกำไรจากการผลิตพลังงานนิวเคลียร์โดยรวมในช่วง 38 ปีของการดำเนินงานซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2513
นายโอชิม่ากล่าวว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เทปโกมีรายได้ไม่ถึง 4 ล้านล้านเยน (4.95 หมื่นล้านดอลลาร์) หรืออาจจะเทียบเท่า หรืออาจจะน้อยกว่าจำนวนเงินที่ต้องจ่ายให้กับเกษตร ชาวประมง ผู้อพยพ และประชาชนกลุ่มอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนิวเคลียร์
นอกจากนี้ นายโอชิม่าพบว่า ต้นทุนการผลิตพลังงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนการผลิตพลังงานความร้อนและพลังงานไฮดรอลิก ซึ่งถือเป็นการประมาณการที่สวนทางกับภาครัฐ
ทั้งนี้ นายโอชิม่ากล่าวว่า หากวิเคราะห์จากแถลงการณ์ทางการเงินของเทปโกพบว่า กำไรจากธุรกิจพลังงานนิวเคลียร์ในช่วงปีงบการเงิน 2513-2550 ซึ่งสิ้นสุดเดือนมี.ค. 2551 อยู่ที่ 3.9953 ล้านล้านเยน โดยเทปโกบริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมด 3 แห่ง ซึ่งได้แก่ โรงไฟฟ้าฟูกุชิม่า ไดอิจิ ซึ่งมีเตาปฏิกรณ์ 6 เตา โรงไฟฟ้าฟูกุชิม่า ไดนิ ซึ่งมีเตาปฏิกรณ์ 4 เตา และโรงไฟฟ้าคาชิวาซากิ-คาริวะ ซึ่งมีเตาปฏิกรณ์ 7 เตา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า แม้มูลค่าความเสียหายที่เทปโกจะต้องชดใช้ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่มีการคาดการณ์ว่า ตัวเลขดังกล่าวจะมีอยู่อย่างน้อยหลายล้านล้านเยน โดยสถาบันการเงินบางแห่งประมาณการว่า จะอยู่ที่ 8-11 ล้านล้านเยน