นักวิเคราะห์จากเอิร์นส แอนด์ ยัง ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ระดับโลก คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 3 ของปีนี้ เนื่องจากคาดว่าอุปสงค์จะเพิ่มขึ้น แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปจะมีความไม่แน่นอนก็ตาม
นายซานจีฟ กุปตา หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านน้ำมันและก๊าซในเอเชียแปซิฟิกของเอิร์นส แอนด์ ยัง กล่าวว่า หากพิจารณาจากปัจจัยทางเทคนิคแล้ว เศรษฐกิจหลายประเทศหลุดพ้นจากภาวะถดถอยแล้ว และคาดว่าจะมีการขยายตัวปานกลางในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
"สัญญาณทุกอย่างบ่งชี้ว่าอุปสงค์น้ำมันจะขยายตัวปานกลาง ส่วนอุปทานมีความไม่แน่นอน ขณะที่ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงจะเริ่มมีเสถียรภาพใน 3-5 ปีข้างหน้า" เขากล่าว
ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงภาวะอุปทานน้ำมันชะงักงันในตะวันออกกลาง แต่ในระยะหลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลง เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่ดีเท่าที่ควร และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประกาศระบายน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองฉุกเฉิน
"การประกาศของ IEA ทำให้ราคาน้ำมันลดลงชั่วคราว และช่วยชดเชยน้ำมันที่ขาดหายไปจากเหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบีย อย่างไรก็ดี เนื่องจากตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงที่อุปสงค์พุ่งสูง การเคลื่อนไหวของ IEA จึงไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น" เขากล่าว
นายกุปตากล่าวว่าในระยะสั้นจะมีปัจจัยต่างๆเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของ IEA และการที่กลุ่มโอเปคมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องการเพิ่มอุปทาน
เขากล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงเปราะบางและขาดเสถียรภาพ ขณะที่ความไม่แน่นอนหลายประการส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันโลก ซึ่งรวมถึงผลกระทบของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและผันผวนที่มีต่อการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่าโอเปคจะถูกกดดันอย่างหนักในเพิ่มกำลังการผลิต สำนักข่าวซินหัวรายงาน