เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 3 ลดลง 4% มาอยู่ที่ระดับ 4.26 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.02 ดอลลาร์ต่อหุ้น เนื่องจากการขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนอง อย่างไรก็ตาม ผลกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ของเจพีมอร์แกน อยู่ในระดับที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 96 เซนต์ต่อหุ้น
ส่วนรายได้ไตรมาส 3 ของเจพีมอร์แกนลดลง 11% จากไตรมาส 2 สู่ระดับ 2.44 หมื่นล้านดอลลาร์ อันเนื่องมาจากภาวะผันผวนในตลาดการเงิน
นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน กล่าวว่า "ทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ เราเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาจากสภาวะการณ์ในปัจจุบัน"
ทั้งนี้ ธุรกิจปล่อยกู้จำนองของเจพีมอร์แกนยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเจพีมอร์แกนมียอดขาดทุนจากการปล่อยกู้จำนองมูลค่า 900 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ขณะที่นายไดมอนคาดว่า ตัวเลขขาดทุนจากการปล่อยกู้จำนองจะยังคงปรับตัวสูงขึ้น
ราคาหุ้นของเจพีมอร์แกนร่วงลง 24% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้เข้าซื้อคืนหุ้นทั้งสิ้น 4.4 พันล้านหุ้นในไตรมาส 3 โดยมีเป้าหมายที่จะหนุนราคาหุ้นของธนาคารให้ฟื้นนตัวขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผลประกอบการที่อ่อนแอของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ได้ฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก รวมถึงหุ้นเจพีมอร์แกน หุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์