ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายรถใหม่ในตลาดสหรัฐประจำเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 13.9% จากปีที่แล้ว สู่ระดับ 994,721 คัน เพราะได้แรงหนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐที่ฟื้นตัวขึ้น และแคมเปญส่งเสริมการขายของบริษัทรถยนต์หลายแห่ง
เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ยังสามารถรั้งตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐที่ทำยอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ที่ 180,402 คัน เพิ่มขึ้น 7% ด้วยส่วนแบ่งตลาด 18.1% ส่วนอันดับ 2 ยังคงเป็นของฟอร์ด มอเตอร์ ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 13.3% แตะที่ 166,441 คัน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 16.7%
โตโยต้า มอเตอร์ ยังคงรั้งตำแหน่งผู้ทำยอดขายมากเป็นอันดับ 3 ในตลาดสหรัฐที่ 137,960 คัน เพิ่มขึ้น 6.7% ด้วยส่วนแบ่งตลาด 13.9% ขณะที่ไครส์เลอร์ กรุ๊ป แอลแอลซี ทำยอดขายได้เป็นอันดับ 4 ที่ 105,554 คัน เพิ่มขึ้น 42.3% ด้วยส่วนแบ่งตลาด 10.6% และอันดับ 5 เป็นของนิสสัน มอเตอร์ ที่ทำยอดขายได้ 85,182 คัน เพิ่มขึ้น 19.4% ด้วยส่วนแบ่งตลาด 8.6%
ยอดขายโดยรวมของผู้ผลิตรถยนต์กลุ่ม "บิ๊กทรี" ของสหรัฐ (จีเอ็ม ฟอร์ด และไครสเลอร์) เพิ่มขึ้น 16.1% แตะระดับ 452,397 คัน ด้วยส่วนแบ่งตลาดรวมกันที่ 45.5% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ที่ 45.7%
สำหรับยอดขายรถยนต์ของบริษัทอื่นๆในญี่ปุ่นนั้น ยอดขายของมาสด้า มอเตอร์ พุ่งขึ้น 20.4% แตะที่ 18,432 คัน ยอดขายของฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสทรี ผู้ผลิตรถแบรนด์ "ซูบารุ" ลดลง 15.1% แตะที่ 17,657 คัน ยอดขายของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ร่วงลง 13.3% แตะที่ 3,735 คัน ยอดขายของซูซูกิ มอเตอร์ ร่วงลง 21.9% แตะที่ 1,822 คัน และยอดขายของฮอนด้า มอเตอร์ ลดลง 6.4% มาอยู่ที่ระดับ 83,295 คัน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า โตโยต้า มอเตอร์ สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้เป็นเดือนแรกในรอบ 7 เดือน หลังจากที่บริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเดือนมี.ค. ขณะที่บริษัทผลิตรถยนต์รายอื่นๆในญี่ปุ่นมียอดขายที่ดีขึ้น หลังจากการผลิตในอเมริกาเหนือเริ่มกลับสู่ระดับปกติในเดือนส.ค.