คณะกรรมการบริหารของยาฮูมีแนวโน้มว่าจะประชุมร่วมกันในวันนี้ เพื่อหารือเรื่องการขายหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป ในประเทศจีน และหุ้นยาฮู เจแปน ในญี่ปุ่น คืนให้แก่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คิดเป็นมูลค่าราว 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า อาลีบาบา และซอฟท์แบงก์ ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในยาฮู เจแปน จะจัดตั้งนิติบุคคลซึ่งประกอบด้วยเงินสดและสินทรัพย์ดำเนินงาน จากนั้นยาฮูจะสวอปหุ้นเกือบทั้งหมดในอาลีบาบาและหุ้นทั้งหมดในยาฮู เจแปน ให้นิติบุคคลดังกล่าว
แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยว่า ยาฮูน่าจะเก็บหุ้นในอาลีบาบาไว้ 15% ส่วนหุ้นในอาลีบาบาที่ขายออกไปมีมูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นในยาฮู เจแปน มีมูลค่าราว 5 พันล้านดอลลาร์
ข้อตกลงนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "cash-rich split-off" ซึ่งเป็นการซื้อขายที่อยู่นอกเหนือแนวปฏิบัติของกรมสรรพากรสหรัฐ ทำให้ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องสามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้
แหล่งข่าวกล่าวว่า หากคณะกรรมการบริหารยาฮูปฏิเสธข้อตกลงดังกล่าว อาลีบาบาและซอฟท์แบงก์ก็เตรียมประมูลหุ้นยาฮูทั้งหมดร่วมกับบริษัทพันธมิตร
โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า บริษัท เบน แคปิตอล และ แบล็กสโตน กรุ๊ป เตรียมยื่นข้อเสนอ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อเทคโอเวอร์ธุรกิจทั้งหมดของยาฮู โดยจะร่วมมือกับอาลีบาบา และซอฟท์แบงก์
อย่างไรก็ดี ยาฮูอาจตอบรับข้อเสนอขอซื้อหุ้นส่วนน้อยของนักลงทุนอีกสองกลุ่มซึ่งนำโดยบริษัท ซิลเวอร์ เลค และทีพีจี แคปิตอล โดยทั้งสองบริษัทยื่นข้อเสนอเทคโอเวอร์หุ้น 20% ของยาฮู แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกบรรดาผู้ถือหุ้นใหญ่ของยาฮูวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ทั้งนี้ ยาฮูยังคงอยู่ระหว่างการเฟ้นหาซีอีโอคนใหม่ หลังจากที่มีการปลดแครอล บาร์ตซ์ ออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายน ขณะเดียวกันในรายงานการเงินฉบับล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคมระบุว่า รายได้ของบริษัทในไตรมาสสุดท้ายลดลง 5% เมื่อเทียบรายปี สำนักข่าวซินหัวรายงาน