บริษัทบีเอชพี บิลลตัน ผู้ประกอบการเหมืองแร่รายใหญ่สุดของโลก เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2554 ปรับตัวลดลง 5.5% สู่ระดับ 9.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง รวมถึงข้อจำกัดในการผลิต
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า บีเอชพี บิลลิตันน่าจะมีกำไรสุทธิที่ 10 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลา 6 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.ปี 2554
ผลกำไรของบีเอชพี บิลลิตันที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กลับกลายเป็นแรงกระตุ้นให้รัฐบาลออสเตรเลีย ประกาศปรับโครงสร้างการเก็บภาษีแร่เหล็กและถ่านหินฉบับใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2555 ซึ่งจะทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเกือบ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในระยะเวลา 2 ปี
ผลกำไร 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐของบีเอชพี บิลลิตันในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 เพิ่มขึ้น 71.5% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ผลกำไรต่อปีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2554 อยู่ที่ 2.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ พุ่งขึ้นเกือบ 86% จากราคาแร่เหล็กและถ่านหินที่ถีบตัวสูงขึ้น
ทางบริษัทระบุในแถลงการณ์ว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจยุโรปส่งผลให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์หดตัวลงในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว ซึ่งฉุดให้ราคาสินค้าหลายรายการของบีเอชพี บิลลิตันลดลงไปด้วย
บีเอชพี บิลลิตัน คาดการณ์ว่า ภาวะผันผวนในตลาดโภคภัณฑ์จะยังดำเนินต่อไป ท่ามกลางวิกฤตหนี้ยูโรโซนและภาวะชะลอตัวของภาคการผลิตและก่อสร้าง พร้อมกับคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองระหว่างประเทศด้วย