21 คือ สกอร์ที่นิวยอร์กส์ ไจแอนท์ส ทำได้ และ 17 คือ แต้มของนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ ในการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลรอบซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 46 เมื่อช่วงค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐและตรงกับช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 6 ก.พ.ตามเวลาประเทศไทย)
การแข่งขันกีฬารอบชิงชนะเลิศที่ไม่ธรรมดา ว่ากันว่านี่คือเกมกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดบนแผ่นดินสหรัฐ เนื่องจากประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศจะหมุนช่องรายการโทรทัศน์เพื่อมารับชม จนผลักดันค่าโฆษณาพุ่งทะยานขึ้นแตะหลักหลายล้านบาทต่อวินาที
2.1 ล้านผู้ชมออนไลน์
ในการถ่ายทอดสดเกมซูเปอร์โบวล์แบบออนไลน์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์นั้น สามารถดึงดูดผู้ชมได้ 2.1 ล้านคน และนั่นเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์อีก 111.3 ล้านคน
กระนั้นก็ดี นี่คือสถิติใหม่ของสหรัฐสำหรับการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาออนไลน์ที่มียอดผู้ชมสูงที่สุดในนัดเดียว
ในการชมเกมผ่านทางอินเทอร์เนต ผู้ชมสามารถเลือกมุมกล้องพร้อมรับชมภาพความละเอียดสูง คุณภาพเป็นเลิศ จะขาดก็แต่เพียงโฆษณาทางโทรทัศน์และการแสดงโชว์ช่วงพักครึ่ง
“การถ่ายทอดสดออนไลน์เหนือความคาดหมายของเราในทุกๆด้านเลยครับ" เควิน โมนากาน กรรมการผู้จัดการเอ็นบีซี สปอร์ตส กรุ๊ป เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดกล่าว
ความสำเร็จของช่องทางใหม่ในการถ่ายทอดสดเกมรอบซูเปอร์โบวล์ทำให้ ฮานส์ โชรเดอร์ รองประธานอาวุโสด้านยุทธศาสตร์สื่อประจำศึกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอลกล่าวว่า พวกเขาจะสรรหาช่องทางใหม่ๆเพื่อเข้าถึงแฟนๆศึกคนชนคนให้ได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน
ท่ามกลางความวิตกกังวลของบรรดาบรอดคาสเตอร์ที่ว่า สื่อกระแสใหม่จะเข้ามาแทนที่การชมเกมผ่านทางโทรทัศน์ที่ผู้ชมจะต้องเสียเงินค่าลิขสิทธิ์มหาศาลนั้น ไมเคิล ฮีสแตนด์คอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ กลับมองว่า ตัวเลข 2.1 ล้านเปรียบเทียบกับ 111.3 ล้านแสดงให้เห็นแล้วว่า เมื่อผู้ชมซื้อโทรทัศน์มาแล้ว พวกเขาย่อมเลือกที่จะเปิดรีโมตรับชมการแข่งขันทางทีวีมากกว่า และจะเลือกชมเกมผ่านทางอินเทอร์เนตเฉพาะเมื่อไม่สามารถหาทีวีดูได้ต่างหาก
111.3 ล้านผู้ชมทางโทรทัศน์
ไม่เพียงแต่จะเป็นการแข่งขันกีฬาที่ทุบสถิติผู้ชมการถ่ายทอดสดออนไลน์สูงสุดเท่านั้น แต่เกมเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเอ็นบีซียังรายงานว่า มีผู้ชมทางโทรทัศน์ 111.3 ล้านคน เป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์ของสหรัฐ โดยทำลายสถิติเดิมที่เกมซูเปอร์โบว์ลระหว่างกรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส ปะทะกับ พิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส ในปี 2554 ที่ผ่านมานั่นเอง
นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ชมยังพุ่งขึ้นแตะระดับ 117.7 ล้านคนในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกม ส่วนในช่วงการแสดงพักครึ่งมีจำนวนผู้ชมถึง 114 ล้านคน นับเป็นสถิติใหม่นับตั้งแต่มีการแสดงช่วงพักครึ่งครั้งแรกในปี 2534 เป็นต้นมา
เมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนของครัวเรือน จะพบว่า 47% ของครัวเรือนชาวอเมริกันเปลี่ยนช่องทีวีมาชมการแข่งขันในปีนี้ แต่ก็ยังเป็นอัตราส่วนที่น้อยกว่าเกมระหว่างชิคาโก แบรส์ พบกับ นิว อิงแลนด์ เพเทรียตส์ในปี 2529 ซึ่งมีอัตราส่วนผู้ชมคิดเป็น 48.3% ของครัวเรือนชาวอเมริกัน และรั้งเพียงอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์ซูเปอร์โบวล์
โดยครัวเรือนที่มีอัตราส่วนผู้ชมเกมสูงที่สุดอยู่ในบอสตัน 56.7%
อย่างไรก็ตาม การทำลายสถิติจำนวนผู้ชมการถ่ายทอดสดเกมซูเปอร์โบว์ลครั้งแล้วครั้งเล่า — ล่าสุดนับเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน — แสดงให้เห็นว่า ศึกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอลรอบซูเปอร์โบวล์ยังคงทวีความนิยมขึ้นอย่างไม่มีหยุดยั้ง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ราคาค่าโฆษณาในช่วงการแข่งขันจะมีราคาแพงมหาศาลถึง 3.5 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยเท่ากับ 108.5 ล้านบาท ต่อการออกอากาศ 30 วินาที
ซึ่งนับว่ายังถูกเกินไป
108.5 ล้านบาทค่าโฆษณา
ข้อมูลจากนิตยสารดิ แอตแลนติก ระบุว่า ในแต่ละวันจะมีโฆษณาออกผ่านสายตาชาวอเมริกันมากถึง 600 ชิ้น แต่จะมีสักกี่หนกันที่ผู้คนหลักร้อยล้านจะจดจ่ออยู่กับโฆษณาชิ้นเดียวกันในเวลาเดียวกันได้อย่างซูเปอร์โบวล์
3.5 ล้านดอลลาร์ (108.5 ล้านบาท) ต่อ 30 วินาที ตกวินาทีละ 1.166 แสนดอลลาร์หรือกว่า 3.6 ล้านบาท จึงเป็นราคาในระดับลดกระหน่ำซัมเมอร์เซล
“ต้องโทษเอ็นบีซีครับที่ไม่คิดค่าโฆษณาแพงกว่านี้ โฆษณาช่วงซูเปอร์โบวล์เกือบจะเรียกได้ว่าถูกเกินไปอย่างสิ้นเชิง" ดีเร็ค ธอมป์สัน บรรณาธิการอาวุโสของดิ แอตแลนติกกล่าว
หากจะนำไปเปรียบเทียบกับรายการทาเลนต์โชว์อย่างอเมริกัน ไอดอล ซึ่งคิดค่าโฆษณาชิ้นละ 8 แสนดอลลาร์ (24.8 ล้านบาท) กับผู้ชม 30 ล้านคนในฤดูกาล 2551 ธอมป์สันมองว่าอาจจะไม่แฟร์นัก เนื่องจากความสนใจในเกมซูเปอร์โบวล์มีมากมายมหาศาล และกว้างไกลยิ่งกว่าระยะเวลา 30 วินาทีของการออกอากาศ
หนึ่งในสิ่งที่สื่อนิยมหยิบมาพูดถึงบ่อยครั้งคือ โฆษณา
นั่นแปลว่า บริษัทต่างๆที่ซื้อโฆษณาระยะเวลา 30 วินาทีจะถูกพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าในบทความวิพากษ์วิจารณ์และบทสัมภาษณ์ต่างๆนานา หรือเท่ากับว่าเป็นการโฆษณาฟรีดีๆนี่เอง
ตัวอย่างเช่น โวล์กสวาเกนยอมรับว่า พวกเขาได้รับประโยชน์จากการโฆษณาฟรีเหล่านี้คิดเป็นมูลค่าถึงกว่า 100 ล้านดอลลาร์ หรือ 3,100 ล้านบาทด้วยซ้ำไป
ด้วยราคา “เบาๆ" เพียงกว่าร้อยล้านบาทต่อ 30 วินาที ทำให้บริษัทต่างต้องบรรจงคัดสรรโฆษณาที่สร้างสรรค์ ติดตาตรึงใจ ถ่ายทอดข้อความได้อย่างตรงไปตรงมา ในเวลากระชับที่สุด
และโฆษณาที่ได้รับการยกย่องจากสื่อสำนักต่างๆว่าเป็นชิ้นโฆษณายอดเยี่ยมประจำการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ในปีนี้คือโฆษณาชุด “Man’s Best Friend" ของขนมโดริโทส
จากการสำรวจของบลูฟิน แลบส์ บริษัทวิเคราะห์สื่อ พบว่า โฆษณาชิ้นดังกล่าวได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ดีมากที่สุดทางเว็บไซต์เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ขณะที่ยูเอสเอ ทูเดย์ ยกให้เป็นโฆษณาที่ดีที่สุดของค่ำคืนซูเปอร์โบวล์เลยเช่นกัน
นั่นทำให้โฆษณาจากงบประมาณ 20 ดอลลาร์ หรือเพียง 620 บาทชิ้นนี้ทำรายได้ให้กับ โจนาธาน ไฟรด์แมน ฟรีแลนซ์เจ้าของผลงานถึง 1 ล้านดอลลาร์ (ราว 31 ล้านบาท) เลยทีเดียว
ข้อมูลจากบลูฟินระบุด้วยว่า โฆษณาที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดทั้งในแง่บวกและลบคือ แบรนด์เครื่องแต่งกายเอชแอนด์เอ็ม ซึ่งมี เดวิด เบคแฮม นักฟุตบอลดังที่เพิ่งจะได้รับการโหวตให้เป็นหนุ่มที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก อวดเรือนร่างที่เต็มไปรอยสักศิลป์ ปรากฎตัวในภาพยนตร์โฆษณากางเกงชั้นในเพียงตัวเดียว แน่นอนว่า ผู้ที่ให้ความสนใจกว่า 80% เป็นผู้ชมสาวๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวัดจากจำนวนผู้ชมทางโทรทัศน์ แอดโบวล์ ซึ่งสำรวจข้อมูลผู้บริโภคที่มีต่อโฆษณาชิ้นต่างๆพบว่า คะแนนเรตติงสูงสุดตกเป็นของโฆษณาชุด Dog Strikes Back สังกัดค่ายรถยนต์โวล์กสวาเกน ด้วยคะแนน 3.9967 จากคะแนนเต็ม 5 ตามมาด้วย Man's Best Friend ของโดริโทส (3.9618) และ Rescue Dog ของเบียร์บัดไลท์ในอันดับ 3 (3.9529) ที่น่าสังเกตคือ โฆษณาทั้ง 3 ชิ้นมีสุนัขรับบทนำ
โดริโทส ซึ่งซื้อเวลาออกอากาศโฆษณาถึง 2 ชิ้น ยังติดอันดับ 6 จากผลงานโฆษณาชุด Sling Baby อีกด้วย
1.2 หมื่นทวิตต่อวินาที
ไม่เพียงแต่การถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เนตและการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์เท่านั้นที่ซูเปอร์โบวล์ 2012 ได้บันทึกสถิติเกือบๆจะสูงสุดของเว็บไซต์ทวิตเตอร์ขึ้นมา
พีซี แม็กรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการคว้าชัยชนะของนิวยอร์ก ไจแอนท์ส จำนวน “ทวิต" พุ่งขึ้นแตะ 12,233 ทวิตต่อวินาที ขณะที่การแสดงโชว์ของมาดอนนาในช่วงพักครึ่งมีการทวิต 10,245 ครั้งต่อวินาที เป็นจำนวนการโพสต์ต่อวินาทีสูงเป็นอันดับ 2 และ3 ตามลำดับในประวัติศาสตร์ทวิตเตอร์ และเป็นรองเพียงจำนวนทวิตเมื่อญี่ปุ่นออกอากาศภาพยนต์อานิเมะเรื่อง Castle in the Sky ซึ่งยังคงเป็นเจ้าของสถิติสูงสุด 25,088 ทวิตต่อวินาที
เบื้องหลังสถิติการทวิตถล่มทลายในครั้งนี้ บริษัทวิจัยการตลาดและการโฆษณานีลเซนยกให้เป็นผลงานของการติดไอแพ็ด โดยสถิติระบุว่า 70% ของการใช้ไอแพ็ดเกิดขึ้นหน้าจอโทรทัศน์
“โดยเฉพาะเมื่อมีรายการทางโทรทัศน์ เราพบว่า สิ่งที่ผู้คนทำเป็นอันดับ 1 ในโลกออนไลน์คือ การมีส่วนร่วมในสื่อโซเชียลมีเดียไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง" รัดฮา ซูบรามันยัม รองประธานอาวุโสของนีลเซนให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก
4,650 ล้านบาทเข้าเมืองอินเดียนาโปลิส
ท่ามกลางความบันเทิงเริงใจของผู้ชมทั่วโลก (จะยกเว้นก็แต่เพียงคุณเป็นแฟนบอลของนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์) ชาวเมืองอินเดียนาโปลิสในฐานะเมืองเจ้าภาพเกมซูเปอร์โบวล์ในปีนี้ น่าจะเป็นอีกฝ่ายหนึ่งที่สุขสันต์ที่สุด
มีการประเมินว่า อินเดียนาโปลิส เมืองหลวงของมลรัฐหลุยส์เซียนา ได้ต้อนรับผู้มาเยือน 1.5 แสนคน คิดเป็นผลพลอยได้ทางเศรษฐกิจมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4,650 ล้านบาท นักธุรกิจสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆที่พุ่งขึ้นถึง 7 เท่าตัว ไม่เพียงแต่เกมคนชนคนที่ลูคัส ออยล์ สเตเดียมเท่านั้น แต่ตลอดช่วงเวลาเกือบสัปดาห์ก่อนจะถึงวันแข่งจริง มีการร่วมตัวปาร์ตี้ถึงกว่า 130 งาน เหล่าเซเลบคนดังจะจับเครื่องบินส่วนตัวเหินฟ้ามาลงกว่า 1,000 ลำ
จากสถิติที่ผ่านมาในการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ปีล่าสุดจะเห็นได้ว่า ตัวเลขความนิยมขยับขึ้นในกลุ่มช่องสื่อ การก่อกำเนิดสื่อกระแสใหม่อย่างโซเชียลมีเดีย บวกกับในเวลาที่โลกหมุนเข้าสู่ยุคอิเล็กทรอนิกส์ทุกแห่งหน ยิ่งกระพือกีฬาฟุตบอลแบบฉบับของชาวอเมริกันให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะผลักดัน “มูลค่า" ต่อวินาทีของกีฬาชนิดนี้พุ่งขึ้นมหาศาลเลยทีเดียว