รายงานในหัวข้อ "Energy Vision 2012: Energy for Economic Growth" ที่เผยแพร่ในการประชุมด้านพลังงาน CERAWEEK ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองฮุสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า อุตสาหกรรมพลังงานมีศักยภาพพอที่จะเป็นกลไกหลักที่ขับเคลื่อนและกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ดูได้จากการที่อุตสาหกรรมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวได้เป็นอย่างดี
รายงานนี้กล่าวถึงบทบาทของอุตสาหกรรมพลังงานในการกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงาน รวมถึงความสำคัญของพลังงานในการผลิตสินค้าและบริการเกือบทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจ
รายงานระบุว่า อุตสาหกรรมพลังงานสร้างงานจำนวนมหาศาล โดยสร้างงานทางตรง 37,000 ตำแหน่ง และทางอ้อมอีก 111,000 ตำแหน่ง หรือ 9% ของการสร้างงานทั้งหมดในสหรัฐในปี 2554
"อุตสาหกรรมพลังงานมีความสำคัญอย่างโดดเด่นต่อระบบเศรษฐกิจ ทั้งยังมีศักยภาพมากพอที่จะเป็นตัวกระตุ้นการสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพโดยรวมของอุตสาหกรรม" นายแดเนียล เยอร์กิน ประธาน IHS CERA กล่าว
รายงานกล่าวว่า อุตสาหกรรมพลังงานต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล ดังนั้นจึงช่วยกระตุ้นการขยายตัวของจีดีพีได้อย่างมีนัยสำคัญ
ในสหรัฐนั้น ภาคการสกัดน้ำมันและก๊าซขยายตัว 4.5% ในปี 2554 ขณะที่จีดีพีโดยรวมมีอัตราการขยายตัว 1.7%
นอกจากนั้นแรงงานในอุตสาหกรรมยังได้ค่าแรงมากกว่าแรงงานทั่วไป ดังนั้นจึงมีการใช้จ่ายต่อหัวที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าแรงงานโดยเฉลี่ย และมีจีดีพีต่อหัวมากกว่าแรงงานเกือบทั้งหมด
รายงานดังกล่าวยังระบุถึงบทบาทของราคาพลังงานที่มีต่อเศรษฐกิจ โดยราคาพลังงานที่ลดลงช่วยให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการลดลงเกือบทั้งหมด ทำให้สามารถซื้อหาได้มากกว่าเดิม
ขณะที่บางประเทศเพิ่มความสนใจไปที่พลังงานทดแทน รายงานฉบับนี้กลับเตือนว่า เทคโนโลยีพลังงานทดแทนมีต้นทุนสูงจึงอาจทำให้ต้องจำใจใช้พลังงานอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นควรพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี
ทั้งนี้ IHS ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานของสหรัฐ จัดการประชุม CERAWeek เป็นประจำทุกปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้นำอุตสาหกรรม หน่วยงานกำกับดูแล และนักวิชาการจากทั่วโลก ได้มาหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน