เฟซบุ๊ก อิงค์ ยักษ์ใหญ่เครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งวางแผนจะออกหุ้น IPO ในตลาดหุ้นนิวยอร์กนั้น เปิดเผยว่า กำไรในไตรมาสแรกปีนี้ ลดลง 12% เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่า
รายงานที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐระบุว่า รายได้สุทธิของเฟซบุ๊กในช่วงเวลา 3 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ร่วงลงมาอยู่ที่ 205 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 45% แตะที่ 1.06 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากไตรมาส 4 ที่ขยายตัว 55%
ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายพุ่งขึ้นแตะระดับ 677 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในด้านการช่วยให้นักการตลาดสามารถเข้าถึงฐานผู้ใช้ที่กำลังเติบโตขึ้นของเฟซบุ๊ก ซึ่งการใช้จ่ายด้านดังกล่าวเป็นสาเหตุให้เฟซบุ๊กมีต้นทุนเพิ่งเป็น 1 ใน 3 ในไตรมาสแรก
เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก ได้ยื่นข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) โดยเฟซบุ๊กตั้งเป้าที่จะระดมทุนจากการออกหุ้น IPO เป็นวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์
จากนั้นในวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กได้สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งด้วยการประกาศซื้อกิจการ อินสตาแกรม (Instagram) ซึ่งเป็นผู้สร้างแอพพลิเคชั่นแบ่งปันภาพถ่ายที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ โดยเฟซบุ๊กจะใช้เงินในการซื้อกิจการอินสตาแกรม มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะอยู่ในรูปของเงินสดและหุ้น