มอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับที่ 6 ของสหรัฐ เผยยอดขาดทุนในไตรมาส 3 อันเนื่องมาจากการปรับมูลค่าหนี้สิน แต่ยังนับว่าดีว่าตัวเลขคาดการณ์
รายงานของมอร์แกน สแตนลีย์ ระบุว่า ตัวเลขขาดทุนจากการดำเนินงานต่อเนื่องอยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 55 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับผลกำไร 2.2 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.14 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
หากไม่รวมการปรับมูลค่าทางบัญชีดังกล่าว รายได้จากการดำเนินงานต่อเนื่องอยู่ที่ 561 ล้านดอลลาร์ หรือ 28 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 64 ล้านดอลลาร์ หรือ 2 เซนต์ต่อหุ้นในปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนคงที่เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากไตรมาส 2
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่า มอร์แกน สแตนลีย์ อาจรายงานผลกำไรที่ 24 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่นายเอ็กซ์ เจมส์ พี. กอร์แมน ประธานและซีอีโอของมอร์แกน สแตนลีย์ ระบุในแถลงการณ์ว่า “ผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 บ่งชี้ถึงแนวทางที่ให้ความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ที่มีความสมดุล ซึ่งได้ช่วยให้รายรับแข็งแกร่งขึ้นและบรรลุเป้าหมายที่สำคัญๆ การปรับตัวขึ้นของรายได้จากตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนคงที่และยอดขายและการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์บ่งชี้ว่า ลูกค้าได้กลับมาใช้บริการอีกครั้งหลังจากมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือในไตรมาสก่อนหน้า" สำนักข่าวซินหัวรายงาน