บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ในกลุ่มบิ๊กทรีของสหรัฐ จะปิดโรงงาน 3 แห่งในยุโรป ซึ่งนับเป็นการปิดโรงงานในยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ บริษัทยังจะเลิกจ้างพนักงานจำนวน 5,700 ตำแหน่ง เพื่อรองรับการขาดทุน
อย่างไรก็ดี ฟอร์ดคาดว่า กำไรก่อนหักภาษีและกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 จะสูงกว่าตัวเลขในไตรมาส 2 แม้บริษัทประสบภาวะขาดทุนในยุโรปก็ตาม โดยฟอร์ดประเมินว่าตัวเลขขาดทุนในภูมิภาคจะสูงกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้
ฟอร์ดเปิดเผยในแถลงการณ์วันนี้ว่า การปิดโรงงาน 2 แห่งในประเทศอังกฤษ และ 1 แห่งในเบลเยียม จะส่งผลให้กำลังการผลิตรถยนต์ของฟอร์ดลดลง 355,000 คัน หรือ 18% ของกำลังการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของฟอร์ดในยุโรป แต่การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามาถประหยัดต้นทุนได้ปีละ 450 - 500 ล้านดอลลาร์
วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดขายรถยนต์หดตัวลงมากที่สุดในรอบ 19 ปี โดยบริษัทหลายแห่ง อาทิ พีเอสเอ เปอโยต์ ซีตรอง, เจนเนอรัล มอเตอร์, โอเปิล และเฟียต ต่างพากันปิดโรงงานเพื่อฟื้นฟูผลประกอบการ
เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ออโต้ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายรถใหม่ในตลาดสหรัฐประจำเดือนก.ย.ปีนี้ พุ่งขึ้น 12.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 1.18 ล้านคัน โดยเจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ยังคงเป็นค่ายรถยนต์ที่ทำยอดขายอันดับ 1 ที่ 210,245 คัน แต่ยอดขายขยับขึ้นเพียง 1.5% ขณะที่ยอดขายของฟอร์ด มอเตอร์ ลดลง 0.2% มาอยู่ที่ระดับ 174,454 คัน ยอดขายของไครสเลอร์ เพิ่มขึ้น 11.5% สู่ระดับ 127,334