เมาอี ไพน์แอปเปิล แคนเนอรี่ เตรียมเปิดประมูลขายโรงงานผลิตสับปะรดกระป๋องในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นโดยบริษัท เมาอี แลนด์ แอนด์ ไพน์แอปเปิล คอมพานี (Maui Land and Pineapple Co.) บริษัทแม่ของ เมาอี ไพน์แอปเปิล (Maui Pineapple) หลังจากที่การผลิตสัปปะรดกระป๋องบนเกาะฮาวายลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 25 ปีที่ผ่านมา
โดยคาดว่า การประมูลในครั้งนี้จะดึงดูดความสนใจจากบริษัทผู้ผลิตผักและผลไม้ตั้งแต่ในแปซิฟิกตะวันตกไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากจะขายกิจการแล้ว การประมูลในครั้งนี้ยังรวมไปถึงเครื่องจักรผลิตกระป๋องและแผ่นดีบุกกว่า 5 ล้านตันสำหรับการทำกระป๋องด้วย โดยการประมูลสามารถทำได้ทั้งทางอินเทอร์เน็ตและในสถานที่ที่จัดไว้โดยบริษัทประมูล เรบิน เวิลด์ไวด์ (Rabin Worldwide) ที่โรงแรมเมาอี บีช ในคาฮูลูอี เมาอี
แจ๊ค ออเทน อดีตวิศวกรของบริษัท โดล ไพน์แอปเปิล (Dole Pineapple) ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย กล่าวว่า "แม้สับปะรดของฮาวายจะมีคุณภาพดีเยี่ยมแต่ก็ไม่สามารถสู้ต้นทุนที่สูงกว่าในด้านซัพพลายเชนวัตถุดิบ และระยะทางจัดส่งสินค้าไปยังตลาดยุโรปได้ และค่าแรงในฮาวายก็ไม่ได้ถูกเหมือนกับที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตสับปะรดรายใหญ่ของโลก" นอกจากนั้นนายออเทนยังกล่าวเสริมว่า "ปัจจุบันการผลิตสับปะรดของบริษัทโดล และ เมาอี ไพน์แอปเปิล มีสัดส่วนไม่ถึง 2% ของการผลิตทั่วโลก"
สัปปะรดฮาวายเริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จากการพัฒนาสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย (smooth cayenne) โดยกัปตัน จอห์น คิดเวลล์ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมสับปะรดได้เข้าสู่ยุคเฟื่องฟูอย่างแท้จริงด้วยฝีมือของ เจมส์ โดล บัณฑิตมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นญาติของ แซนฟอร์ด โดล ผู้ปกครองดินแดนในสมัยนั้น ในปี ค.ศ.1903 เจมส์ โดล เริ่มต้นจากธุรกิจขนาดเล็กที่พื้นที่เพาะปลูกวาเฮียวา (Wahiawa Plantation) และย้ายไปตั้งโรงงานอีวีเล (Iwilei Cannery) ที่ใหญ่กว่าเดิมในปี ค.ศ.1907 และเป็นที่ตั้งปัจจุบันของนิคมการค้าโดล แคนเนอรี่ (Dole Cannery commerial complex) บนเกาะวาฮู (Oahu)
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--