มินเทล (Mintel) เปิดตัวรายงานภาพรวมแนวโน้มผลิตภัณฑ์ความงามและผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลตนเอง (Personal Care) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกปี 2564 ซึ่งมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคจากการรวบรวมผลสำรวจและการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญของมินเทลเพื่อตอกย้ำแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นและบทบาทที่จะมีผลต่อตลาดอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคนี้ในอนาคต
ชารอน กว็อก (Sharon Kwak) ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษา (Director of Consulting) ในหมวดผลิตภัณฑ์ความสวยความงามและของใช้ส่วนตัวในภูมิภาค South APAC กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ความงามนั้นถูกวางขายบนพื้นฐานของอารมณ์ อีกทั้งยังมีประวัติอันยาวนานในเรื่องการสร้างความมั่นใจ ภาพลักษณ์ และความปรารถนาให้แก่ผู้บริโภค ความพยายามในการปรับตัวของแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากโควิด-19 รวมไปถึงการปรับแนวทางการขายที่เริ่มเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น เราจะพบว่าการขายสินค้าในปัจจุบันด้วยการทเล่นกับอารมณ์นั้น เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความต้องการที่ซับซ้อนของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เส้นทางของผู้บริโภคจะไม่ใช่เส้นทางการบริโภคแบบเดิม ๆ อีกต่อไป เพราะจุดเชื่อมโยงระหว่างลูกค้ากับสินค้าหรือบริการจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อพื้นที่ทางกายภาพและพื้นที่บนโลกออนไลน์มาบรรจบกัน นอกจากนั้นผู้บริโภคยังมีพฤติกรรมในการค้นหาและค้นพบแบรนด์ใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ประเด็นสำคัญ ๆ จากภาพรวมแนวโน้มผลิตภัณฑ์ความสวยความงามและผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลตนเองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประกอบด้วย :
1. ผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์ความงามต้องการค้นหาความหมายในด้านอารมณ์และความรู้สึก
ความรู้สึกคาดหวังที่มีต่อผลิตภัณฑ์ในตัวผู้บริโภคนั้นเพิ่มสูงขึ้น ผู้บริโภคกำลังมองหาผลิตภัณธที่สวยงามและน่าดึงดูดจากคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น รูปลักษณ์ บรรจุภัณฑ์ และผิวสัมผัสที่น่าสนใจ โดยมินเทล (Mintel)สังเกตว่าคุณสมบัติที่เพิ่มเข้ามาเหล่านี้ได้กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าในกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกระแสไวรัลจากตัวสินค้าหรือแบรนด์ พลังแห่งการบอกต่อ รวมไปถึงความอยากซื้อและจับจองเป็นเจ้าของในหมู่ผู้บริโภค ยกตัวอย่าง เช่น 47% ของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นที่รู้สึกสนุกสนานไปกับผลิตภัณฑ์ที่ชวนให้นึกถึงความหลัง ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาดี ๆ หรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นทและช่วยเพิ่มความรู้สึกที่ดีต่อใจให้กับผู้บริโภคได้
"สำหรับแบรนด์นั้น คุณประโยชน์ ฟังก์ชัน และประสิทธิภาพยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค แม้ว่าประเด็นเรื่องการใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะผ่านความสนุกสนานจากการใช้งาน รูปลักษณ์ที่สะดุดตา หรือประสบการณ์จากการใช้งานที่หลากหลาย จะมีความสำคัญมากขึ้นก็ตามแต่ทว่าผลลัพธ์ในด้านความรู้สึกก็มีส่วนช่วยให้แบรนด์โดดเด่นท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดและช่วยดึงดูดผู้บริโภครุ่นใหม่ก้าวเข้ามาเป็นลูกค้าของแบรนด์ได้"
2. สร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้บริโภค
ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดมีการเกี่ยวพันกับกิจกรรมกลางแจ้งและสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน รวมทั้งคุณประโยชน์ในการปกป้องผิวจากการถูกแดดแผดเผา อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงประโยชน์เพียงส่วนเล็ก ๆ ที่ผลิตภัณฑ์กันแดดสามารถมอบให้ได้เท่านั้น จากข้อมูลในระบบฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ออกใหม่ในตลาด (GNPD) ของมินเทล (Mintel) ชี้ให้เห็นว่า ข้อมูลการอ้างอิงสินค้าเกี่ยวกับการป้องกันรังสี UV คิดเป็น 8% ของผลิตภัณฑ์ความสวยความงามและผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลตนเองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่อเนื่องในช่วงสามปีที่ผ่านมา ในอีกมุมหนึ่งจากข้อมูลในฐานข้อมูลเองก็พบว่ามีการอ้างอิงเรื่องความกระจ่างใสและต่อต้านริ้วรอยในกลุ่มผลิตภัณฑ์กันแดดสูงถึง 47% และ 23% ตามลำดับ อีกทั้งยังมีผู้ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดในจีนเพียง 29% ที่ระบุว่าชื่อเสียงของแบรนด์เป็นปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อครีมกันแดดของตนเองอีกด้วย
ชารอน กล่าวว่า Mintel แนะนำให้แบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดดให้ความสำคัญในเรื่องของคุณค่าและจุดประสงค์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเพื่อสุขภาพที่ดีในองค์รวม การปรับสมดุลในเรื่องความจำเป็นของการได้รับวิตามินดี ในร่างกาย ผลิตภัณฑ์กันแดดที่เข้ากันได้ดีกับเครื่องสำอาง หรือเรื่องผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม