บริดจสโตนเผยได้รับเลือกจากมาเซราติให้พัฒนายาง Bridgestone Potenza Sport ซึ่งเป็นยางรถยนต์ขนาด 20 นิ้วที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN สำหรับรถ SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของ Maserati รุ่น Grecale Folgore (มาเซราติ เกคราเล่ โฟกาเล่) นับเป็นความร่วมมือล่าสุดระหว่างแบรนด์พรีเมียมทั้ง 2 แบรนด์ รวมถึงการเป็นพันธมิตรร่วมกันสำหรับรถยนต์ Maserati รุ่น MC20 ซึ่งยางรุ่นนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และสนับสนุนการควบคุมในสถานการณ์ที่ท้าทายทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก
Steven De Bock รองประธานกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ (OE) ของ Bridgestone EMEA กล่าวว่า รถยนต์ Maserati รุ่น Grecale Folgore เป็นการเปิดตัวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์สำหรับมาเซราติในการเดินทางไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification) และเราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ช่วยยกระดับสมรรถนะของรถรุ่นนี้ด้วยยางบริดจสโตน นับเป็นความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของบริดจสโตนและมาเซราติในการรุดหน้าสู่ยุคการปฏิวัติของรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ได้เห็นความร่วมมือของทั้งสองบริษัทในการบุกเบิก เพื่อขับเคลื่อนการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากความร่วมมือในระยะยาวแล้ว บริดจสโตนและมาเซราติยังมุ่งมั่นต่อการปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น (Electrification) ยางบริดจสโตนที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะช่วยเสริมประสิทธิภาพการลดแรงต้านทานการหมุนให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ของ Maserati รุ่น Grecale Folgore และยังได้รับการจัดอันดับในคลาสของ EU Label เกรด A อีกทั้งยังช่วยเพิ่มระยะทางให้กับรถยนต์ Maserati รุ่น Grecale Folgore ไปได้อีก 500 กิโลเมตร
ทั้งนี้ บริดจสโตนกำลังลงทุนเพื่อส่งเสริมการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงผู้ขับขี่รวมถึงกลุ่มลูกค้าองค์กรมากยิ่งขึ้น บริษัทกำลังพัฒนายางพรีเมียมและเทคโนโลยีการออกแบบยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกับโซลูชั่นสำหรับลูกค้าองค์กรและตอบโจทย์โซลูชั่นด้านการเดินทาง ในขณะเดียวกันยังร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำพร้อมพัฒนาเครือข่ายการให้บริการสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ด้านมาเซราติซึ่งเป็นแบรนด์หรูแบรนด์แรกของอิตาลีที่เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% มุ่งมั่นที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นภายในปี 2568 และรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบเพียงอย่างเดียวภายในปี พ.ศ. 2571
เทคโนโลยีการพัฒนายางเสมือนจริงของบริดจสโตน (Virtual Tyre Development) ได้ถูกผสานเข้ากับเครื่องจำลองการขับขี่ของมาเซราติเพื่อให้มั่นใจว่ายางที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะนี้สามารถพัฒนาและทดสอบได้ในสภาพแวดล้อมดิจิทัล อีกทั้งยังช่วยลดการสร้างและทดสอบต้นแบบทางกายภาพ ลดการใช้วัตถุดิบและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต รวมถึงทำให้สามารถนำยางเข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น