บริษัทไวเอท ฟาร์มาซูติคอลส์เปิดเผยถึงข้อมูลที่ได้จากการทดลองครั้งสำคัญและการศึกษาในระยะที่ 3 ของวัคซีนที่นำเสนอในที่ประชุมประจำปีระหว่าง Interscience Conference on Antimicrobial Agents and Chemotherapy (ICAAC) และสมาคมโรคติดเชื้อแห่งสหรัฐอเมริกา (Infectious Diseases Society of America หรือ IDSA) ซึ่งระบุว่า วัคซีน 13-valent pneumococcal conjugate vaccine หรือ PCV13 อาจมีประสิทธิภาพการป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส หรือโรคพีดี ในเด็กทารกและเด็กเล็กที่อายุไม่ถึง 2 ขวบได้ครอบคลุมมากขึ้นเมื่อเทียบกับวัคซีน Pneumococcal 7-valent conjugate vaccine หรือ Prevnar(R) ซึ่งเป็นวัคซีนที่ป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัส 7 สายพันธุ์
นอกจากนี้ วัคซีน PCV13 อาจมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยา Prevnar หรือ PCV7 ในการป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดรุนแรง หรือโรคไอพีดีได้ เนื่องจากวัคซีนดังกล่าวครอบคลุมการป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสได้ 7 สายพันธุ์ และอาจมีประสิทธิภาพครอบคลุมอีกเชื้อดังกล่าวอีก 6 สายพันธุ์
“ข้อมูลใหม่เหล่านี้บ่งชี้ว่าวัคซีน PVC13 สามารถสนองตอบความต้องการในการป้องกันเชื้อโรคร้ายแรงได้อย่างครอบคลุม" ดร.เอมิลิโอ เอ. เอมินี รองประธานฝ่ายบริหารประจำแผนกวิจัยและพัฒนาวัคซีนของไวเอท ฟาร์มาซูติคอลส์กล่าว “จากสายพันธุ์ต่างๆของเชื้อนิวโมคอคคัสที่ปรากฏอยู่นั้น เราสามารถประเมินได้ว่าวัคซีน PCV13 มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไอพีดีในเด็กทารกและเด็กเล็กทั่วโลกได้มากถึง 92% ซึ่งความรุนแรงของโรคดังกล่าวนับเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก ทางไวเอทจึงได้พัฒนาวัคซีนตัวนี้ขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น"
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการยื่นขออนุญาตใช้วัคซีนรักษาโรคในเด็กในสหรัฐจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 ทั้งนี้ วัคซีน PCV13 ยังได้มีการนำไปศึกษาในการทดลองทางคลีนิคกับผู้ป่วยในระยะที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการยื่นเอกสารขออนุมัติให้ทางหน่วยงานกำกับดูแลภายในปี 2553 ต่อไป