แมคโดนัลด์เผยปีหน้าทุ่มงบลงทุนในเอเชียเพิ่ม หวังดึงลูกค้ามากขึ้นแม้ศก.ถดถอย

ข่าวต่างประเทศ Wednesday November 19, 2008 12:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แมคโดนัลด์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ทำธุรกิจภัตตาคารรายใหญ่ที่สุดของโลก จะเพิ่มปริมาณการลงทุนในเอเชียปีหน้า เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้า ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคลดปริมาณการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลง

บลูมเบิร์กรายงานว่า ทิม เฟนตัน ประธานแมคโดนัลด์ประจำเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กล่าวว่า นักลงทุนลดการลงทุน แต่เรากำลังเพิ่มการลงทุน โดยบริษัทจะเปิดให้บริการนานขึ้น เนื่องจากประชาชนใช้เวลาพักรับประทานอาหารสั่นลง ดังนั้นการที่เราขยายเวลาทำการจะได้รับลูกค้ามากขึ้นในแต่ละวัน

เฟนตัน กล่าวว่า เป้าหมายของแมคโดนัลด์คือ การครองส่วนแบ่งตลาดในขณะที่เศรษฐกิจถดถอยด้วยการเปิดคงระยะเวลาในการเปิดทำการให้ได้มากกว่า 1 ร้านต่อวันในภูมิภาคช่วงปีหน้า การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทำให้จีนต้องอัดฉีดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.86 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่เกาหลีใต้ก็ให้คำมั่นว่าจะใช้งบประมาณพิเศษ 14 ล้านล้านวอน หรือ 9.7 พันล้านดอลลาร์ในปีหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย

จานนา แซมป์สัน ซีไอโอร่วมบริษัท โอ๊คบรู๊ค อินเวสเมนท์ กล่าวว่า การเพิ่มการลงทุนจะช่วยให้แมคโดนัลด์ได้ประโยชน์ในช่วงที่ตลาดอ่อนตัว การเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวนั้น บริษัทที่มีเงินสุดหมุนเวียนจะทำในลักษณะเดียวกันนี้ แมคโดนีลด์เองก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีกระแสเงินสดหมุนเวียนสูง

บริษัทคู่แข่งของแมคโดนัลด์ อย่าง ยัม แบรนด์ส อิงค์ และบริษัทสินค้าบริโภคอื่นๆ เช่น เป๊ปซี่โค เบสท์บาย และวอล-มาร์ท กำลังจับตาตลาดในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น จีน ซึ่งยอดขายปลีกขยายตัว 22% เมื่อเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 9 ปี

เฟนตันวางแผนเพิ่มงบการใช้จ่ายกับร้านใหม่และการปรับปรุงร้านใหม่ในเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา อย่างน้อย 20% มูลค่า 360 ล้านดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการขยายตัวของการใช้จ่ายเงินทุนของปีที่แล้วที่ 7%

ในปีนี้ บริษัทวางแผนเปิดร้านให้ได้ 475 แห่งในภูมิภาคเอเชีย และจะเปิดร้านในจำนวนดังกล่าวปีหน้า หรือคิดเป็น 40 - 45% ของจำนวนร้านทั้งหมดทั่วโลก โดยในไตรมาส 3 แมคโดนัลด์ทำยอดขายไป 18% ในเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายในยุโรปที่ 43% และสหรัฐ 33%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ