ไช่ หมิงเจ้า ชายชาวจีนซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทประมูลที่มณฑลฟูเจียน ได้ออกมาเปิดเผยตัวแล้วว่า เป็นผู้ชนะการประมูลรูปหล่อสำริดรูปหัวหนูและหัวกระต่ายในสมัยราชวงศ์ชิงในการประมูลซึ่งจัดโดยสถาบันคริสตี้เมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยืนยันว่าจะไม่จ่ายเงินให้กับผลงานศิลปะที่ประมูลได้ดังกล่าว พร้อมเผยถึงสาเหตุที่เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ว่า เพราะตนเป็นคนจีน จึงต้องออกมาทำหน้าที่พลเมืองจีนด้วยการปกป้องผลงานของชาติ
ทางด้านเคท มาลิน โฆษกของคริสตี้ กล่าวว่า บริษัทจะประสานไปยังผู้ซื้อและผู้ขายเพื่อหาทางออก แต่ไม่ได้ระบุว่า จะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าประมูลผลงานศิลปะล้ำค่านี้
ก่อนหน้านี้ จีนออกโรงวิจารณ์การจัดการประมูลงานศิลปะสมัยราชวงศ์ชิงของคริสตี้อย่างหนัก พร้อมยืนยันรูปหล่อสำริดรูปหัวหนูและหัวกระต่ายที่ถูกนำมาประมูลนั้นเป็นผลงานศิลปะที่ถูกขโมยไปจากจีนในช่วงทศวรรษที่ 19 ขณะที่สมาคมคุ้มครองงานศิลปะจีนก็ได้ออกแถลงการณ์ประท้วงและประณามการขายผลงานศิลปะที่ถูกนำออกนอกประเทศโดยผิดกฎหมายแล้ว พร้อมเรียกร้องให้คริสตี้ บริษัทผู้จัดประมูลออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจากการประมูลครั้งนี้
ผลงานรูปหล่อสำริดสองชิ้นของจีนซึ่งสูญหายไปจากพระราชวังฤดูร้อนนั้น ขายไปได้ในการประมูลทางโทรศัพท์ ด้วยราคารวม 31.4 ล้านยูโร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา คริสตี้ไม่เปิดเผยชื่อของผู้ที่ประมูลได้ ก่อนที่ในวันนี้ นายไช่จะออกมาแถลงข่าวเปิดเผยด้วยตนเอง โดยนายไช่ ซึ่งเป็นนักสะสมของเก่าด้วยนั้น เคยประมูลพระพุทธรูปสมัยราชวงศ์หมิงเมื่อปี 2550 มูลค่าสูงถึง 117 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
ก่อนหน้านี้ จีนได้เรียกร้องให้คริสตี้ยกเลิกการประมูลผลงานศิลปะดังกล่าว ซึ่งเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นงานศิลปะที่อีฟ แซง โลรองซ์ ดีไซเนอร์ชื่อดังที่ล่วงลับไปแล้วได้สะสมไว้ และนำออกประมูลเพื่อนำเงินเข้ามูลนิธิการกุศล
จีนได้ยื่นฟ้องต่อศาลฝรั่งเศส แต่ศาลในกรุงปารีสมีคำพิพากษาเมื่อวันจันทร์ว่า ไม่มีหลักฐานมากพอที่จะสั่งถอนการประมูล