ดีลเลอร์ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การขายผลงานศิลปะจีนอาจจะเป็นไปได้ยากมากขึ้น หลังจากที่นายไช่ หมิงเจ้า ชายชาวจีนซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทประมูลที่มณฑลฟูเจียน ชนะการประมูลรูปหล่อสำริดรูปหัวหนูและหัวกระต่ายในสมัยราชวงศ์ชิงในการประมูลซึ่งจัดโดยสถาบันคริสตี้เมื่อสัปดาห์ก่อนมูลต่า 31.4 ล้านยูโร หรือ 40 ล้านดอลลาร์ แต่เขาออกมายืนยันว่าจะไม่จ่ายเงินค่าผลงานศิลปะดังกล่าว
โรเจอร์ เคเวิร์น ประธานเอเชียน อาร์ท ในลอนดอน กล่าวว่า ผู้สนใจงานศิลปะคงจะให้ความสำคัญกับที่มาของผลงานที่นำออกประมูลซึ่งถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหวมากขึ้น หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว หากว่าผลงานที่นำมาประมูลไม่มีใบรับรองถึงที่มา การประมูลก็อาจจะมีปัญหาต่างๆตามมา
ดีลเลอร์กล่าวว่า การกระทำของนายไช่ทำให้เกิดประเด็นการเมืองเกี่ยวกับผลงานศิลปะ เนื่องจากจีนมองว่าผลงานดังกล่าวถูกขโมยไป และความเสี่ยงที่รัฐบาลจีนจะไม่ให้การอนุมัติอาจจะทำให้ผลงานสำคัญๆที่เกี่ยวกับองค์จักรพรรดิไม่สามารถนำมาขายได้หากไม่มีข้อมูลรายละเอียดของผู้เป็นเจ้าของ
ทั้งนี้ นายไช่ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ว่า เพราะตนเป็นคนจีน จึงต้องออกมาทำหน้าที่พลเมืองจีนด้วยการปกป้องผลงานของชาติ เนื่องจากผลงานศิลปะดังกล่าวถูกขโมยไปจากพระราชวังฤดูร้อนของจีน
สหรัฐได้ลงนามข้อตกลงกับจีนเมื่อวันที่ 14 ม.ค. เพื่อสั่งห้ามการนำเข้าของเก่าของจีนที่มีอายุย้อนไปถึงช่วงก่อนค.ศ.907 หากไม่มีเอกสารกำกับที่มา ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะป้องกันการซื้อขายผลงานศิลปะที่ผิดกฎหมายและมีการลักลอบนำเข้า