กูเกิล อิงค์ ผู้นำด้านการสืบค้นออนไลน์ เปิดตัวระบบโฆษณาออนไลน์ที่นำเสนอโฆษณาได้ตรงตามความสนใจของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตด้วยการติดตามประวัติการท่องเว็บไซต์ที่ผ่านๆมาของผู้ใช้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ผู้ลงโฆษณาเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ขณะที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตก็จะได้รับข้อมูลโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของตนเอง
กูเกิลจะสำรวจพฤติกรรมการท่องเว็บไซต์ของผู้ใช้ เพื่อค้นหาว่าโฆษณาเรื่องใดเหมาะสมที่สุดตามความสนใจของผู้ใช้แต่ละคน ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ชอบเข้าเว็บไซต์เกี่ยวกับสุนัข ก็อาจจะได้เห็นโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บ แม้ในขณะที่ตนกำลังท่องเว็บอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงเลยก็ตาม หรือ หากผู้ใช้ชอบเดินทางและเข้าเว็บไซต์ท่องเที่ยวหลายเว็บไซต์ กูเกิลก็จะเสนอโฆษณาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้ผู้ใช้งานรายนั้นได้เห็นมากขึ้น
"เราเชื่อว่าโฆษณาเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงผู้บริโภคกับสินค้าเข้าด้วยกัน การนำเสนอโฆษณาที่ถูกใจผู้ใช้งานจะช่วยให้การโฆษณามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น" กูเกิล ระบุในแถลงการณ์
ทั้งนี้ กูเกิลจะเก็บประวัติการออนไลน์โดยอาศัยระบบติดตามผู้ใช้ หรือ "คุกกี้" ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กูเกิลได้มาจากการลงทุนซื้อกิจการ ดับเบิลคลิก อิงค์ ผู้ให้บริการโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต เป็นมูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยกูเกิลจะทดสอบบริการดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ ยูทูบ และ กูเกิล ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. แต่เจ้าของโฆษณาสามารถลงโฆษณาได้ตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นไป ซึ่งในเบื้องต้นกูเกิลจะเชิญเจ้าของโฆษณาเพียงไม่กี่รายมาร่วมในบริการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริการนี้ได้รับเสียงคัดค้านเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้ แม้ว่ากูเกิลไม่ใช่เจ้าแรกที่ให้บริการโฆษณารูปแบบนี้ก็ตาม (โดยก่อนหน้านี้คู่แข่งรายสำคัญของกูเกิล ได้แก่ ยาฮู อิงค์ และ ไมโครซอฟท์ คอร์ป ก็เคยใช้ยุทธิวิธีนี้มาก่อนแล้ว) แต่การดำเนินการในลักษณะนี้ของกูเกิลกลับเป็นที่หวั่นเกรงของบรรดาองค์กรพิทักษ์สิทธิส่วนบุคคลมากกว่า
ไซมอน เดวีส์ หัวหน้ากลุ่มรักษาสิทธิส่วนบุคคลนานาชาติ (Privacy International) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับบริการดังกล่าวของกูเกิล "ระบบของกูเกิลจะเจาะประวัติการออนไลน์ของผู้ใช้งานในทุกเรื่อง ซึ่งเรื่องนั้นอาจเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องที่อ่อนไหวสำหรับผู้ใช้งาน" เดวีส์ กล่าว "นี่เป็นอีกครั้งที่กูเกิลพัฒนาบริการใหม่โดยไม่ปรึกษาผู้ใช้งาน และเป็นอีกครั้งที่กูเกิลกำลังจะละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน"