ผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรมไอทีของสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลทุกประเทศทั่วโลกจะสามารถฟันฝ่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ด้วยการทุ่มเงินลงทุนในธุรกิจไอที ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาวต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆผ่านการกระตุ้นผลผลิตและการจ้างงานเพิ่มมากขึ้นถึงล้านตำแหน่ง
โรเบิร์ต ดี แอทคินสัน ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งพ่วงตำแหน่งประธานศูนย์วิจัยด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของสหรัฐ (ITIF) กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นได้ด้วยการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี
โดยเขาได้กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า "การลงทุนในอุตสาหกรรมไอทีอาจไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ชาญฉลาดกว่าวิธีอื่นๆ"
ด้านคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้จัดสรรเงิน 3.92 หมื่นล้านดอลลาร์ จากกองทุนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.80 แสนล้านดอลลาร์เพื่อมาใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างเครือข่ายไอที โดยแบ่งเป็นเงินสำหรับด้านการดูแลสุขภาพ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์จะนำใช้ในอุตสาหกรรมพลังงาน และที่เหลืออีก 7.2 พันล้านดอลลาร์จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ท บรอดแบนด์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานในสหรัฐได้กว่า 1 ล้านตำแหน่งโดยที่ 60% ในจำนวนนี้จะทำงานอยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก
ทั้งนี้ การขยายบริการอินเตอร์เน็ทบรอดแบนด์ให้ครอบคลุมมากขึ้นจะปูทางไปสู่การผลิตคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริมใหม่ๆสู่ตลาด ซึ่งทุกภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องใช้งานระบบไอทีไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง การค้าปลีก การผลิต และการบริการ ซึ่งการใช้เทคโนโลยีจะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้สามารถลดต้นทุนการผลิต แต่มีกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น และมียอดขายที่ขยายตัวจนกระทั่งเกิดการจ้างงานตามมา
ก่อนหน้านี้ เนวิน ชีนอย ผู้จัดการของอินเทล คอร์ปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเคยกล่าวให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมไอทีในทำนองเดียวกับแอทคินสันว่า วิกฤตเศรษฐกิจโลกคือโอกาสสำคัญในการกระตุ้นผลผลิตด้วยการลงทุนอย่างชาญฉลาดในธุรกิจไอที และนี่ก็เป็นหนึ่งโอกาสที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้