"ทวิตเตอร์" (Twitter) เว็บไซต์ไมโครบล็อกกิงที่กำลังโด่งดังสุดๆ ได้กลายเป็นหัวข้อถกเถียงในแวดวงสาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ต เมื่อผู้เชี่ยวชาญหลายรายตั้งข้อสงสัยว่าควรเชื่อถือข้อมูลเกี่ยวกับไข้หวัดเม็กซิโกที่มีการบอกต่อกันมาในเว็บไซต์หรือไม่
ทั้งนี้ กระแสความนิยมที่มีต่อเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทวิตเตอร์ ปะทุขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ด้วยความที่ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก จุดเด่นคือสมาชิก (follower) สามารถเขียนข้อความอะไรก็ได้ความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร ซึ่งข้อความที่เขียนจะไปปรากฏบนพื้นที่บล็อกเพื่อให้ follower คนอื่นๆ สามารถอ่านข้อความนั้นๆได้
ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างผลการสำรวจของเนลสัน ออนไลน์ พบว่า ประมาณ 2% ของข้อความที่โพสต์บนทวิตเตอร์เมื่อวันจันทร์ล้วนแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้สร้างความกังวลให้หลายฝ่าย เนื่องจากเกรงว่าข้อมูลที่เผยแพร่บนทวิตเตอร์ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคดังกล่าว และทำให้ผู้รับข้อมูลจำนวนไม่น้อยเกิดอาการ "กระต่ายตื่นตูม"
"ทวิตเตอร์ทำให้ผู้คนเกิดความกลัวทั้งที่ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลที่แน่ชัด" เบรนนอน สแลทเทอรี จาก พีซี เวิลด์ กล่าว และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ผู้คนจำนวนมากมักเข้ามาหาข้อมูลในทวิตเตอร์เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
เยฟเกนี โมโรซอฟ จากสถาบันโอเพ่น โซไซตี กล่าวว่า ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับไข้หวัดเม็กซิโกที่ได้รับการเผยแพร่ในทวิตเตอร์อาจทำให้หลายคนตัดสินใจทำอะไรที่ไม่เข้าท่าได้ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งบอกให้เพื่อนหยุดกินเนื้อหมู ทั้งที่ทางการยังไม่ได้สั่งห้ามด้วยซ้ำ
อัล ทอมป์กินส์ ผู้สอนวิชาสื่อออนไลน์และวิทยุโทรทัศน์จากสถาบันพอยน์เตอร์ ให้คำแนะนำว่า คนที่จะโพสต์ข้อมูลต่างๆ ลงบนสื่อสาธารณะควรตรวจสอบให้ดีว่าแหล่งข่าวที่ตัวเองได้ข้อมูลมามีความน่าเชื่อถือ จึงจะทำการส่งต่อข้อมูลดังกล่าวให้ผู้อื่น เนื่องจากข่าวไม่ดีมักแพร่กระจายไปได้เร็วกว่าข่าวที่ดีๆ
ด้านรัฐบาลสหรัฐเองก็หวั่นว่าประชาชนจะตื่นตระหนกกับโรคระบาดล่าสุดนี้จนเกินไป โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ออกมาเรียกร้องให้ชาวอเมริกันอย่าตื่นตระหนกต่อข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก แม้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขหลังจากจำนวนผู้เสียชีวิตในเม็กซิโกเพิ่มขึ้นก็ตาม
"คณะทำงานของเรากำลังติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกอย่างใกล้ชิด แม้การดำเนินการของรัฐบาลอาจก่อให้เกิดกระแสความวิตกกังวลจนถึงขั้นตอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่เราไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก" โอบามากล่าวในแถลงการณ์