สายการบินเซี่ยงไฮ้ แอร์ไลน์ส ซึ่งเป็นสายการบินรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน เปิดเผยว่า บริษัทจะรวมกิจการกับบริษัทคู่แข่งอย่างไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส คอร์ป เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทประสบปัญหาอย่างหนักในการทำกำไรในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ
บลูมเบิร์กรายงานว่า เฟง สิน รองประธานเซี่ยงไฮ้ แอร์ไลน์ส กล่าวว่า บริษัทได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลแล้ว ขณะที่หลัว ชูผิง เลขาฯบอร์ดของไชน่า อีสเทิร์น ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว
ข้อตกลงครั้งนี้ จะทำให้บริษัทใหม่ได้สัดส่วนการเดินทางทางอากศในเซี่ยงไฮ้ 50% ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ 2 สายการบินดังกล่าวซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาล เพื่อลดหนี้สินหลังจากที่ขาดทุนอย่างหนักท่ามกลางสถานการณ์ดีมานด์การทางในจีนที่หดตัวลง
เคลวิน เหลา นักวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยไดว่า กล่าวว่า ดูเหมือนว่ารัฐบาลต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพของบริษัทของรัฐบาลผ่านการควบรวมกิจการ นับตั้งแต่ที่บริษัทได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นๆแล้ว นอกจากปฏิบัติตามแผนการของรัฐบาล
วันนี้ หุ้นของทั้ง 2 สายการบินถูกระงับการซื้อขายในตลาดหุ้นวันนี้
เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ไชน่า อีสเทิร์น ได้รับเงินอัดฉีดรวม 9 พันล้านหยวน หรือ 1.3 พันล้านดอลลาร์ และได้มีการนำเงินดังกล่าว 7 พันล้านหยวนเข้าซื้อหุ้นในไชน่า อีสเทิร์น แต่สายการบินยังไม่ได้ระบุว่า จะใช้เงินอีก 2 พันล้านหยวนดำเนินการในด้านใดบ้าง
ส่วนเซี่ยงไฮ้ แอร์ไลน์ส ก็ประกาศงบอัดฉีด 1 พันล้านหยวนไปเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ไชน่า เสเทิร์น ขาดทุนอย่างต่อเนื่องเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และคาดว่า จะขาดทุนเช่นกันในปีนี้ เนื่องจากบริษัทไม่สามารถจัดการกับหนี้สินได้ และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวก็ทำให้ดีมานด์การเดินทางลดลงเช่นกัน