นักวิเคราะห์มองว่า การที่สายการบินแอร์ ไชน่า ซึ่งเป็นสายการบินที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ไม่สามารถหาพันธมิตรในเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของจีนได้นั้น อาจจะทำให้บริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดมากกว่านี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส และเซี่ยงไฮ้ แอร์ไลน์ส สายการบินใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ ได้วางแผนที่จะควบรวมกิจการกัน
อัลลี หม่า นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า สองสายการบินที่ควบรวมกันจะได้ควบคุมเที่ยวบินเข้า-ออกเซี่ยงไฮ้ในสัดส่วนประมาณ 50% เมื่อเทียบกับสัดส่วนเที่ยวบินของแอร์ ไชน่าที่ 11% และไชน่า อีสเทิร์น และเซี่ยงไฮ้ แอร์ จะมีอำนาจในการกำหนดราคาและจัดการเที่ยวบินได้มากขึ้นหลังจากที่ควบรวมกิจการกันแล้ว
บลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนหน้านี้ แอร์ ไชน่า ซึ่งมีฐานการดำเนินงานอยู่ที่กรุงปักกิ่ง ได้พยายามที่จะเป็นพันธมิตรกับไชน่า อีสเทิร์น และเซี่ยงไฮ้ แอร์ ซึ่งต่างก็มีฐานดำเนินงานอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า เซี่ยงไฮ้จะขึ้นมาแซงหน้าปักกิ่งในฐานะตลาดการเดินทางทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดของจีนภายในปี 2558
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้อนุมัติข้อตกลงควบรวมกิจการ หลังจากที่ได้ให้เงินช่วยเหลือไชน่า อีสเทิร์น และเซี่ยงไฮ้ แอร์ ซึ่งขาดทุนโดยรวมสูงถึง 1.65 หมื่นล้านหยวน หรือ 2.4 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
หลี เล่ย นักวิเคราะห์ของไชน่า ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า หลังจากการควบรวมกิจการกันครั้งนี้แล้ว แอร์ ไชน่า คงจะไม่ได้มีโอกาสเติบโตมากนักในเซี่ยงไฮ้ ดังนั้น การหาตลาดในพื้นที่ส่วนอื่นๆอย่างภาคกลางน่าจะเป็นโอกาสที่ดีกว่า