นิสสัน มอเตอร์ ตั้งเป้าทำยอดขายชั้นนำรถพลังงานไฟฟ้าในสหรัฐ ด้วยการวางแผนใช้เงินกู้ 1.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงโรงงานที่รัฐเทนเนสซีให้สามารถผลิตรถประหยัดพลังงานและรถไฮบริด เพื่อให้โรงงานสามารถผลิตรถได้หลายประเภทรวมถึงรถที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี ซึ่งการผลิตในลักษณะดังกล่าวจะทำให้บริษัทได้ใช้ประโยชน์ด้านการผลิตจากโรงงานต่อไป
บลูมเบิร์กรายงานว่า แอนดี พาล์เมอร์ รองประธานอาวุโสนิสสัน กล่าวว่า บริษัทรถต่างมีความพร้อมที่จะผลิตรถพลังงานไฟฟ้า เพื่อรับมือกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนความต้องการรถประหยัดพลังงานและความกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากศ แม้ว่าสหรัฐจะให้ความช่วยเหลือเพื่อปรับปรุงโรงงาน ต้นทุนที่สูงขึ้นและระยะทางวิ่งที่สั้นลงของรถพลังงานไฟฟ้าอาจจะทำให้ตลาดโดยรวม
แอชวิน โชไต กรรมการผู้จัดการของอินเทลลิเจนซ์ ออโตโมทีฟ เอเชีย กล่าวว่า ยังมีความเสี่ยงที่การผลิตอย่างเต็มรูปแบบที่โรงงานดังกล่าวจะสะดุด เนื่องจากการกลับมาผลิตอย่างเต็มที่นั้นขึ้นอยู่กับราคาและความสามารถในการซื้อรถ ตลอดจนความพอใจของผู้ใช้รถด้วย
เนื่องจากต้นทุนของชุดแบตเตอรีลิเธียม-อิออนที่ทำให้รถวิ่งได้ 100 ไมล์นั้นสูงถึง 30,000 ดอลลาร์ แต่ก็มีสิทธิที่จะตกลงมาอยู่ที่ประมาณ 15,000 ดอลลาร์ได้ภายในปี 2558 เมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต
เมนาเฮม แอนเดอร์มัน ประธานบริษัท แอ็ดวานซ์ ออโตโมทีฟ แบตเตอรีส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา กล่าวว่า ความต้องการรถไฟฟ้าของสหรัฐในเบื้องต้นน่าจะอยู่อย่างน้อย 7,500 คัน ส่วนดีมานด์รถไฮบริดแบบพลัก อิน น่าจะอยู่ที่ 60,000 คัน ตามข้อกำหนดในรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีการใช้โครงการยานยนต์ที่ปล่อยก๊าซพิษศูนย์เปอร์เซนต์ เพื่อลดภาวะโลกร้อน
แอนเดอร์มันกล่าวต่อไปว่า ตลาดรถพลังงานไฟฟ้าในสหรัฐเบื้องต้นจะได้อานิสงส์จากการใช้กฎระเบียบรถลดโลกร้อนในรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ตราบใดที่ราคาน้ำมันยังอยู่ต่ำกว่า 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ตลาดรถพลังงานไฟฟ้าก็คงจะยังไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้