ฟรอสท์ แอนด์ ซัลลิแวน คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการประชุมทางไกลเสมือนจริงและการประชุมผ่านวิดีโอทั่วโลกอาจทำยอดขายได้กว่า 35% ของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2557 ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผู้บริหารจากแทนด์เบิร์ก (TANDBERG) และฟรอสท์ แอนด์ ซัลลิแวนกล่าวในพิธีเปิดห้องประชุมทางไกลเสมือนจริง TANDBERG T3 ในฮ่องกง ว่าการทำงานร่วมกันของระบบต่างๆ ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ลูกค้าองค์กรตระหนักถึงศักยภาพสูงสุดของการสื่อสารผ่านจอภาพ และคาดว่ามูลค่ายอดขายธุรกิจดังกล่าวในเอเชียแปซิกฟิกจะขยายตัวถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์จากทั้งหมด หลังเทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการตอบรับจากลูกค้าในกลุ่มสถาบันการเงินอย่างดีในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ลาร์ส รอนนิ่ง ประธานแทนด์เบิร์กประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่าการประชุมทางไกลเสมือนจริงเป็นประสบการณ์ใหม่และเป็นส่วนขยายของการประชุมผ่านวิดีโอที่มีแต่จะยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมการสื่อสารผ่านจอภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมแผนกไอซีทีจากฟรอสท์ แอนด์ ซัลลิแวน กล่าวว่า ตลาดการประชุมทางไกลเสมือนจริงในเอเชียกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และเพื่อศักยภาพสูงสุดในการใช้งาน ลูกค้าต้องสามารถพูดคุยกันได้แม้ว่าจะใช้บริการเครือข่ายที่แตกต่างกันหรือใช้ระบบการประชุมทางไกลเสมือนจริงที่ต่างกัน"
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการประชุมทางไกลเสมือนจริงสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็วเพราะได้รับแรงหนุนหลักจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาบรอดแบนด์ที่ลดลง และการที่ผู้บริหารต้องการลดต้นทุนในการเดินทางทำธุรกิจ