สหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดี่ยวเดือนก.ค.โต 1.7% ย้ำตลาดอสังหาฯมีเสถียรภาพ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday August 19, 2009 10:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดี่ยวในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.7% สู่ระดับ 490,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 และขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านโดยรวมลดลง 1% มาอยู่ที่ 581,000 ยูนิต จากระดับ 857,000 ยูนิตในเดือนก่อนหน้านี้เพราะได้รับปัจจัยลบจากอัตราการสร้างอาคารที่อยู่อาศัยรวมกันหลายครอบครัว เช่น คอนโดมิเนียมและอพาร์ทเมนท์ซึ่งทรุดตัวลง 13%

มูลค่าบ้านที่ลดลงประกอบกับความพยายามของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่อง ภาษีเงินกู้สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกได้ช่วยกระตุ้นยอดขายและช่วยบรรเทาภาวะล่มสลายในตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้" "ในส่วนของยอดขายบ้านและอัตราการเริ่มสร้างบ้านนั้นมาถึงจุดต่ำสุดและอาจเข้าสู่ช่วงของการฟื้นตัว" นิเกล โกลต์ นักวิเคราะห์จากไอเอชเอส โกลบอล อินไซท์กล่าวผ่านทางบลูมเบิร์ก "เฟดมองว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำอีกนาน ซึ่งจะบ่งชี้ได้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเร่งใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน"

ทั้งนี้ โครงการบ้านเดี่ยวมีสัดส่วน 84% ของตลาดในเดือนก.ค. และมีแนวโน้มว่าจะมีความผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ขณะที่โครงการที่พักอาศัยในอาคารเพิ่มจำนวนมากขึ้นและมักเหวี่ยงตัวขึ้นลงรุนแรงกว่า โดยยอดการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยในเดือนที่แล้วลดลงต่อเนื่องจากที่ทรุดตัว 26% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบกับที่พุ่งขึ้น 56% ในเดือนพ.ย.

ขณะเดียวกันการอนุญาตก่อสร้างใหม่ร่วงลง 1.8% แตะระดับ 560,000 ยูนิต จากระดับ 570,000 ยูนิต แต่ยอดอนุญาตสร้างบ้านเดี่ยวไต่ระดับขึ้น 5.8% เมื่อเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ยอดอนุญาตสร้างอาคารที่พักสำหรับหลายครอบครัวตกลง 26%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ